‘AI’ เปลี่ยนเกมตลาดแรงงาน ‘PwC’ ชี้ ช่วยเพิ่มค่าจ้าง 56%


วันนี้ AI ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับภาคธุรกิจ แต่ยังมีอิทธิพลต่อตลาดแรงงาน ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอย่างเป็นรูปธรรม...

พีดับบลิวซี (PwC) รายงานว่า AI มีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนการผลิต และการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมของแรงงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงค่าจ้างที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มแรงงานที่มีทักษะด้าน AI มีแนวโน้มได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถพัฒนาเส้นทางอาชีพไปสู่ตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นต่อเนื่อง

รายงาน “Global AI Jobs Barometer 2025” โดย พีดับบลิวซี วิเคราะห์ข้อมูลประกาศรับสมัครงานเกือบหนึ่งพันล้านตำแหน่งจากหกทวีปทั่วโลก ระบุว่า ตั้งแต่มีการนำ Generative AI (GenAI) มาใช้แพร่หลายปี 2565 อุตสาหกรรมที่ประยุกต์ใช้ AI อย่างเข้มข้น เช่น บริการทางการเงิน และซอฟต์แวร์ มีการเติบโตของผลิตภาพ (productivity) เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า ขยับจาก 7% ช่วงปี 2561-2565 เป็น 27% ในช่วงปี2561-2567

กลับกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI น้อยที่สุด เช่น เหมืองแร่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก พบว่า อัตราการเติบโตของผลิตภาพลดลงจาก 10% เหลือ 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ข้อมูลปี 2567 ยังชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมที่ใช้ AI สูงสุด มีการเติบโตของรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยที่สุดถึงสามเท่า

อาชีพที่ใช้ AI ขยายตัวต่อเนื่อง

'แครอล สตับบิงส์' ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ พีดับบลิวซี กล่าวว่า เห็นถึงพลัง AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริง และยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ การนำ agentic AI มาใช้ในระดับองค์กร ทำให้เกิดการหลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีกับวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการปรับมุมมองต่อการดำเนินงานและสร้างคุณค่าทางธุรกิจขององค์กร

พบด้วยว่า จำนวนตำแหน่งงานเกือบทุกสาขาอาชีพที่ใช้ AI ยังคงขยายตัว แม้ในกลุ่มงานที่สามารถแทนที่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ

แม้อาชีพที่มีการนำ AI มาใช้น้อยกว่าจะมีอัตราการเติบโตของตำแหน่งงานโดดเด่นถึง 65% ในช่วงปี 2562-2567 แต่อาชีพกลุ่มที่นำ AI มาใช้มากก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 38%

สำหรับอาชีพที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น สามารถแยกย่อยได้เป็น “งานที่ถูกทำด้วยระบบอัตโนมัติ” เช่น งานที่ AI สามารถดำเนินการบางส่วนได้ และ “งานที่ถูกเสริมศักยภาพ” เช่น งานที่มนุษย์นำ AI มาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิผล

ผลการศึกษาพบว่า จำนวนตำแหน่งงานในทั้งสองกลุ่มดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มงานที่ได้รับการเสริมศักยภาพจาก AI ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่น

ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

พีดับบลิวซี ระบุว่า ค่าจ้างในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุตสาหกรรมที่ใช้งานน้อยกว่าถึงสองเท่า โดยค่าจ้างเพิ่มขึ้นทั้งในงานที่สามารถทำได้โดยระบบอัตโนมัติและงานที่ AI เข้ามาเสริมศักยภาพมนุษย์

ทั้งนี้ ตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะด้าน AI ก็มีค่าตอบแทนสูงกว่างานในสายเดียวกันที่ไม่ต้องการทักษะ AI ในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกวิเคราะห์

โดยค่าตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่านี้อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน งานที่ต้องใช้ทักษะ AI ยังคงเติบโตเร็วกว่าตำแหน่งงานอื่น ๆ โดยเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่ก่อนในขณะที่ประกาศรับสมัครงานทั้งหมดลดลง 11.3%

ด้าน 'โจ แอทคินสัน' ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย AI ระดับโลกของ พีดับบลิวซี กล่าวว่าเมื่อเทียบกับความกังวลที่ว่า AI อาจทำให้จำนวนงานลดลงมาก ผลศึกษาปีนี้ ชี้ว่า งานกำลังเติบโตในแทบทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้แต่ในกลุ่มที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้สูง

AI กำลังเสริมศักยภาพ และเปิดโอกาสให้ความเชี่ยวชาญกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้มากขึ้น ช่วยให้พนักงานขยายขอบเขตในการเพิ่มผลลัพธ์และมุ่งเน้นที่ความรับผิดชอบในระดับสูงขึ้น ด้วยรากฐานที่เหมาะสม ทั้งบริษัทและพนักงานจะสามารถกำหนดบทบาทและอุตสาหกรรมใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสายงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้านเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น

สะเทือน ‘ทักษะ’ แรงงาน

แม้ว่า ภาพรวมในด้านประสิทธิภาพการผลิต ค่าจ้าง และงานจะเป็นไปในทิศทางบวก งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่แรงงานและธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการทักษะจากนายจ้างกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น 66% ในสายงานที่ใช้ AI มากที่สุด จากเดิม 25% เมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องใช้ในการประสบความสำเร็จในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่นๆ เช่น ความต้องการวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการจากนายจ้างลดลงสำหรับทุกตำแหน่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI

'พีท บราวน์' หัวหน้ากำลังแรงงานระดับโลก พีดับบลิวซี กล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ไม่เพียงเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่างๆ เท่านั้น แต่ยังพลิกโฉมแรงงานและทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง

นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นายจ้างจะแก้ไขได้ง่ายด้วยการทุ่มเงิน แม้จะสามารถจ่ายค่าตอบแทนสูงเพื่อดึงดูดผู้มีทักษะด้าน AI ได้ แต่ทักษะเหล่านั้นก็สามารถล้าสมัยได้รวดเร็ว หากขาดการลงทุนในระบบที่ช่วยให้แรงงานได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ช้าไม่ได้ ต้องเริ่มตั้งแต่ ‘วันนี้’

หากมองถึง ความจำเป็นทางธุรกิจสำหรับการใช้งาน AI หากธุรกิจต้องการเร่งการเติบโตและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ AI มอบให้ พวกเขาควรให้ความสำคัญกับ AI ตั้งวันนี้

โดยมี 5 แนวทางสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ประกอบด้วย 1. ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร 2. มอง AI เป็นกลยุทธ์การเติบโต ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพ 3. ให้ความสำคัญกับ agentic AI 4. พัฒนาและส่งเสริมทักษะแรงงานให้พร้อมใช้ประโยชน์จากพลังของ AIและ 5. ปลดล็อกศักยภาพการเปลี่ยนแปลงของ AI ด้วยการสร้างความไว้วางใจ

ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท พีดับบลิวซี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่าAI ช่วยเพิ่มผลิตภาพและเปลี่ยนแปลงทักษะที่ตลาดแรงงานไทยต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการทางการเงินและเทคโนโลยี ผู้มีทักษะด้านนี้จะมีโอกาสเติบโตและได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี องค์กรต่าง ๆ ควรสนับสนุนการมอง AI ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงาน ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่มนุษย์ การเริ่มต้นจากการให้เห็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในเชิงธุรกิจ พร้อมกับจัดฝึกอบรมให้ความรู้ จะช่วยให้พนักงานเข้าใจการนำ AI ไปใช้ในงานประจำวันได้มากขึ้น

มากกว่านั้นควรมีแนวทางกำกับดูแลการใช้ AI อย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยของข้อมูล จริยธรรม และความโปร่งใส

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 14 ก.ค. 2568


ไฟล์เอกสารแนบ
-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ข้อมูลวันที่ : 2025-07-14 06:46:09
700/1 หมู่ 1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี, ถ.บางนา-ตราด กม. 57, ต.คลองตำหรุ, อ.เมือง, จ.ชลบุรี 20000
038-215033-39, 033-266040-44
Icon made by Freepik from www.flaticon.com