Cobot หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Collaborative
Robot คือหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยในพื้นที่เดียวกัน
โดยไม่ต้องมีสิ่งกีดขวางหรือระบบป้องกันพิเศษเหมือนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป (Industrial
Robot) Cobot มีจุดเด่นที่การออกแบบให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ด้วยเซนเซอร์ขั้นสูงและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยให้
Cobot เข้าใจและตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ดี ปัจจุบัน Cobots
ได้รับความนิยมอย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการผลิต
การบรรจุภัณฑ์ การตรวจสอบคุณภาพ หรือแม้แต่ในธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ด้วยความสามารถที่ปรับตัวได้หลากหลายและใช้งานง่าย Cobot จึงกลายเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการลงทุนระบบอัตโนมัติแบบเดิม
ซึ่งราคาของ Cobots จะแตกต่างกันไปตามขนาดและฟังก์ชันการใช้งาน
โดยมีตั้งแต่ Cobots ขนาดเล็ก ราคาประมาณ 270,000 –
700,000 บาท ที่เหมาะสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ หรือ SME ไปจนถึง Cobots ระดับกลาง ราคาประมาณ 700,000
– 1,000,000 บาท และ Cobots เฉพาะทางขนาดใหญ่ที่ราคาประมาณ
1,000,000 – 2,000,000 บาท
ที่เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่
เมื่อพูดถึงหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรม หลายคนอาจสงสัยว่า Cobot กับ Robot ต่างกันอย่างไร
คำตอบอยู่ที่วัตถุประสงค์และการออกแบบการใช้งาน ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้ดังนี้
Industrial Robot หรือหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป
ถูกออกแบบมาให้ทำงานในพื้นที่แยกออกจากมนุษย์
เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและทรงพลัง ทำให้ต้องมีการติดตั้งระบบป้องกัน
เช่น รั้วกั้นหรือเซนเซอร์ตรวจจับการเข้ามาใกล้ของมนุษย์ ในทางตรงกันข้าม Cobots
ถูกออกแบบให้สามารถทำงานใกล้ชิดกับมนุษย์ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการชนและเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงปะทะ
Cobots มีขนาดเล็กกว่า Industrial Robot และสามารถเคลื่อนย้ายหรือปรับตั้งโปรแกรมได้ง่าย
ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น การประกอบชิ้นส่วนเล็ก ๆ
หรือการทำงานที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ในขณะที่ Industrial Robot มักเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและความเร็วสูงในปริมาณมาก
เช่น การเชื่อมโลหะหรือการพ่นสีในสายการผลิตขนาดใหญ่
Cobots มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งต่ำกว่า
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างป้องกันเพิ่มเติม
การตั้งค่าและเริ่มใช้งานก็ทำได้รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมากนัก ในขณะที่ Industrial
Robot ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่และการติดตั้งที่ซับซ้อน
Cobots มีการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่า
เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ทำงานได้หลากหลายและไม่ซับซ้อนเท่ากับ Industrial
Robot ที่มีระบบที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลที่ละเอียดอ่อน
ในอุตสาหกรรมการผลิต การเลือกใช้แรงงานคนหรือ Cobots เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพ คุณภาพ
และต้นทุนของกระบวนการผลิต แม้ว่า Cobots สามารถเพิ่มความแม่นยำ
ลดข้อผิดพลาด และลดภาระของแรงงานมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แรงงานคนยังคงมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง การตัดสินใจที่ซับซ้อน
และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยที่การใช้แรงงานคนและ Cobots มีความแตกต่างกัน
ดังนี้
· แรงงานคน – มีความยืดหยุ่นสูง
สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานตามสถานการณ์ได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องใช้ทักษะ
ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
· Cobots – ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง
เช่น การประกอบชิ้นส่วนขนาดเล็กหรือการตรวจสอบคุณภาพ
· แรงงานคน – มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากความผิดพลาดของมนุษย์ เช่น
ความเหนื่อยล้า ความไม่รอบคอบ หรือการทำงานในสภาพแวดล้อมที่อันตราย
· Cobots – ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
มีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อลดความเสี่ยงในการชนหรือก่อให้เกิดอันตราย
ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่ามนุษย์อย่างมาก
· แรงงานคน – มีต้นทุนค่าจ้างและสวัสดิการที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอัตราการลาออกของพนักงาน
· Cobots – แม้จะมีต้นทุนเริ่มต้นสูง
แต่สามารถลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
เนื่องจากมีค่าบำรุงรักษาต่ำและสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
· แรงงานคน – สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้
แต่ต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมและอาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและความแม่นยำ
· Cobots – สามารถโปรแกรมให้ทำงานซ้ำ ๆ ได้อย่างแม่นยำ
และในบางกรณีสามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่ได้รับผ่าน AI และ Machine
Learning
· แรงงานคน – เหมาะกับงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง เช่น
การประกอบชิ้นส่วนที่ซับซ้อน การควบคุมคุณภาพ และการออกแบบ
· Cobots – เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและทำซ้ำได้
เช่น การบรรจุสินค้า การเชื่อมโลหะ และการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
Cobot หรือ Cobots มีหลากหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในงานที่แตกต่างกัน
เลือกใช้งานได้ตามความต้องการของอุตสาหกรรมได้อย่างหลากหลาย
โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้
Fixed Base Cobot
Cobot ประเภทนี้ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่แน่นอนและไม่ได้เคลื่อนที่
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การประกอบชิ้นส่วน การตรวจสอบคุณภาพ
หรือการเชื่อมโลหะ ข้อดีของ Fixed Base Cobot คือความมั่นคงและความน่าเชื่อถือในงานที่ต้องการความละเอียดสูง
Mobile Cobot
Cobot ประเภทนี้ติดตั้งบนแพลตฟอร์มที่สามารถเคลื่อนที่ได้
เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (Autonomous Mobile Robot หรือ
AMR) Mobile Cobot เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการเคลื่อนที่
เช่น การขนส่งวัสดุในโรงงานหรือการทำงานในคลังสินค้า
ข้อดีคือสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานและลดเวลาในการขนส่ง
Dual-arm Cobot
Cobot ประเภทนี้มีความพิเศษที่การออกแบบให้มีแขนสองข้าง
ซึ่งเลียนแบบการทำงานของมือมนุษย์
ช่วยให้สามารถดำเนินงานที่ซับซ้อนหรือขั้นตอนที่ต้องใช้การประสานงานของสองมือได้
เช่น การประกอบชิ้นส่วนที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำสูง Dual-arm
Cobot มักถูกใช้งานในสายการผลิตที่ซับซ้อน เช่น
การประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การผลิตสินค้าที่ต้องการความประณีตสูง
หรือการบรรจุสินค้าที่มีลักษณะเปราะบาง
Wearable Cobot
Wearable Cobot หรือหุ่นยนต์ที่สามารถสวมใส่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ในงานที่ต้องใช้แรงหรือความทนทานสูง
ตัวอย่างเช่น ชุดช่วยยกน้ำหนัก (Exoskeleton) ที่ช่วยให้พนักงานสามารถยกของหนักได้โดยไม่ต้องออกแรงมากจนเกินไป
ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ Wearable Cobot ยังถูกใช้อย่างแพร่หลายในงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
การซ่อมบำรุง และการขนย้ายวัสดุในคลังสินค้า
Collaborative Welding Cobot
สำหรับงานเชื่อมโลหะที่ต้องการความแม่นยำและคุณภาพสูง Collaborative Welding Cobot เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
Cobot ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับการเชื่อมโลหะที่มีความซับซ้อน
เช่น การเชื่อมในตำแหน่งที่เข้าถึงยาก
หรือการเชื่อมที่ต้องการควบคุมความร้อนอย่างละเอียด Cobots เหล่านี้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องและคงคุณภาพงานได้สม่ำเสมอ
โดยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์ งานเชื่อมที่ได้จาก Collaborative
Welding Cobot มีความแม่นยำสูงและตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมที่ต้องการคุณภาพและความปลอดภัย
เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักร
ตัวอย่างการนำ Cobots ไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
อุตสาหกรรมยานยนต์
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ Cobots ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบชิ้นส่วนยานยนต์
เช่น การขันสกรู การติดตั้งกระจก หรือการเชื่อมชิ้นส่วนโลหะ
อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพร่วมกับระบบวิชัน (Machine
Vision) เพื่อตรวจสอบรอยเชื่อม รอยขีดข่วน
หรือข้อบกพร่องของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความละเอียดและความแม่นยำสูง Cobots มีบทบาทสำคัญในการประกอบแผงวงจรพิมพ์ (PCB)
โดยช่วยจัดวางและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบนบอร์ดวงจรได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในกระบวนการบัดกรีอัตโนมัติ
ซึ่งช่วยลดปัญหาการบัดกรีผิดตำแหน่งหรือความร้อนสูงเกินไป
อุตสาหกรรมโลหะและการผลิตชิ้นส่วน
ในอุตสาหกรรมโลหะและการผลิตชิ้นส่วน Cobots
ถูกนำมาใช้ในกระบวนการเชื่อมโลหะ โดยเฉพาะการเชื่อมแบบ MIG/TIG
ซึ่งต้องการความแม่นยำสูง
ทำให้ได้รอยเชื่อมที่เรียบร้อยและมีคุณภาพสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในกระบวนการตัดและเจียรโลหะ
ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เครื่องมือตัดด้วยมือของแรงงานมนุษย์
อีกทั้งยังสามารถช่วยขนย้ายวัตถุดิบหนัก ลดภาระงานของพนักงานและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
สรุปการใช้งาน Cobots ในอุตสาหกรรม
Cobots หรือ Collaborative Robots คือ
เครื่องมือที่ช่วยยกระดับการทำงานในอุตสาหกรรมให้มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย
และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ความสามารถในการทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิดและการปรับตัวให้เข้ากับงานที่หลากหลายทำให้
Cobots กลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ การใช้งาน Cobots
ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
แต่ยังสร้างความปลอดภัยและโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนานวัตกรรม
เทคโนโลยีนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคอุตสาหกรรม
ที่มา : MMThailand
วันที่ 25 ก.พ. 2568