คาดการณ์ตลาดผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกปี
2030: AI
Server เติบโต 3.2 เท่า ไทยมีโอกาสรับการย้ายฐานการผลิต
28
เมษายน 2568 - Fuji Keizei บริษัทที่ปรึกษาและการตลาดจากญี่ปุ่น
เปิดเผยผลสำรวจ "2025 Worldwide Electronics Market Survey" ชี้ให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
หลังจากที่ปัญหาสินค้าคงคลังคลี่คลายลงในปี 2024
และผู้ผลิตส่วนใหญ่เริ่มเตรียมระบบการผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการใหม่ในอนาคต
จากการศึกษาครอบคลุมผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
42 รายการ แบ่งเป็นอุปกรณ์ AV เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ในรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ โครงสร้างพื้นฐาน
และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่น่าจับตามอง ได้แก่:
1.
ตลาดเซิร์ฟเวอร์ (Server)
ปี
2024 ตลาดเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเติบโต 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปทรงตัว แต่ เซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI (AI Server) เติบโตอย่างโดดเด่น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดทั้งหมดFuji คาดการณ์ว่า การลงทุนในเซิร์ฟเวอร์เพื่อการฝึกฝน AI (Training) จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2026 และตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป
จะมีการลงทุนในเซิร์ฟเวอร์เพื่อการใช้งานจริง (Inference) โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์
Edge เช่น สมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊ก คาดว่าภายในปี 2030
AI Server จะครองตลาดมากกว่า 20%
แม้ว่าจีนยังคงเป็นฐานการผลิตหลัก
แต่แบรนด์สหรัฐและผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่เริ่มกระจายการผลิตไปยังเอเชีย
อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา เพื่อลดการพึ่งพาจีน ทั้งนี้
จากการที่สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าในปี 2025
อาจทำให้ฐานการผลิตย้ายจากละตินอเมริกาไปยังสหรัฐโดยตรง
2.
ตลาดสมาร์ทโฟน (Smartphones)
ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี
2024 เติบโต 5.6% จากปีก่อนหน้า
อานิสงส์จากรอบการเปลี่ยนเครื่องใหม่และมาตรการอุดหนุนของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม
ตลาดในประเทศพัฒนาแล้วเริ่มอิ่มตัว และคาดว่าจะหดตัวในปี 2030
การผลิตยังคงย้ายออกจากจีนไปยังเวียดนามและอินเดียเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐ
EMS
ที่ผลิตสินค้าให้ Apple เน้นเวียดนามมากกว่าอินเดีย
เนื่องจากปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิตในอินเดีย
ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุด
โดยมีอินเดียเป็นตลาดเกิดใหม่ แม้จะมีอุปสรรคด้านรายได้
ส่วนแอฟริกาเป็นภูมิภาคเดียวที่คาดว่าจะเติบโตในระยะกลางถึงยาว
3.
ตลาดแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก (Tablets & Notebook PCs)
ตลาดแท็บเล็ตหดตัวอย่างรุนแรงในปี
2023 จากการสิ้นสุดของความต้องการช่วง COVID-19
แต่คาดว่าจะฟื้นตัว 2.9% ในปี 2024 อย่างไรก็ตาม ความต้องการในจีน
แม้จะมีนโยบายอุดหนุน ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นตลาดได้ และคาดว่าตลาดจะแผ่วลงในปี
2025
จีนยังคงครองสัดส่วนการผลิตสูงถึง
80% ขณะที่ BYD และ Foxconn เริ่มย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม
และมีแนวโน้มย้ายไปอินเดียในอนาคต
ตลาดโน้ตบุ๊กในปี
2024 จะเติบโต 3.5% หลังจากระบายสินค้าคงคลังจากการผลิตเกินในปี 2021
คาดว่าจะขยายตัวอีกในปี 2025 ตามรอบการเปลี่ยนเครื่องจากการสิ้นสุดการสนับสนุน Windows
10 แต่จะชะลอลงในปี 2026–2027 และกลับมาเติบโตอีกในปี 2028
เป็นต้นไป
น่าสนใจว่า
ประเทศไทย และเวียดนาม
ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายของการขยายการผลิตโน้ตบุ๊กจากจีนในระยะสั้น
ตามคำขอของผู้ผลิตพีซีจากสหรัฐฯ
ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทย
สรุปภาพรวมตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลก
ปี
2024 เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวจากการปรับสต๊อกสินค้าคงคลังในหลายหมวดสินค้า
โดยเฉพาะอุปกรณ์ AV อย่างหูฟังไร้สายและอุปกรณ์
XR เครื่องใช้ในบ้านได้รับแรงหนุนจากนโยบายรัฐของจีน
ขณะที่อุปกรณ์ไอทีและสื่อสารเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อยจากการซื้อเพื่อเปลี่ยนเครื่อง
ปกรณ์สำนักงานมีแนวโน้มลดลง แต่ตลาดอุปกรณ์อุตสาหกรรมเริ่มขยายตัว
รถยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถมีทิศทางดีขึ้นในปี 2025 และมอเตอร์ไซค์ยังมีความต้องการสูงในประเทศเกิดใหม่
ด้านการผลิต
มีแนวโน้มชัดเจนว่าผู้ผลิตทั่วโลกกำลัง ลดการพึ่งพาจีน
และขยายฐานมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ ไทยและเวียดนาม อย่างไรก็ตาม
หากสหรัฐดำเนินนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าในปี 2025 จริง การย้ายฐานการผลิตเข้าสู่สหรัฐฯ
อาจเร่งตัวขึ้น
ที่มา
:
Mreport
วันที่
20 พ.ค. 2568