ในขณะที่นักลงทุนและผู้บริหารหลายรายยังคงมองหาโอกาสการเติบโตในกรอบอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม
แต่ทว่าโลกธุรกิจกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวันและกำลังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
รายงาน
"Value
in motion" ของ PwC ชี้ให้เห็นถึง 2
ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า คือ เทคโนโลยี
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเกือบ
15% ภายในปี 2578
และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกหดตัวเกือบ 7%
ในปีเดียวกัน
ดังนั้นเหล่าธุรกิจจึงจำเป็นต้องเปิดรับแนวคิดใหม่อย่าง
"โดเมนของการเติบโต" เพื่อคว้าโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
จุดเปลี่ยนสู่
"โดเมนธุรกิจ" ทศวรรษ
การเผชิญหน้ากับแรงกดดันเหล่านี้กลับเป็นตัวเร่งที่ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นภายในแต่ละอุตสาหกรรมแยกกัน
แต่เป็นการเกิดขึ้นของ "โดเมนของการเติบโต" หรือ "domains
of growth" กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้มหาศาล
ซึ่งเกิดจากการที่อุตสาหกรรมต่างๆ
ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในรูปแบบใหม่ๆ เช่น การเคลื่อนย้าย
การเลี้ยงดู การสร้างและผลิตสิ่งต่างๆ การดูแลสุขภาพ
การเติมเชื้อเพลิงและผลิตไฟฟ้า ไปจนถึงวิธีจัดหาเงินทุนและการประกัน
PwC
ระบุว่า บริษัทที่ยืนอยู่แถวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนี้
โดยเลือกเดินตามแนวทางนวัตกรรมข้ามอุตสาหกรรม
จะสามารถแข่งขันและคว้าโอกาสสู่การเติบโตได้
รายงานได้ระบุและประเมินมูลค่าของโดเมนใหม่
ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 โดเมน และคาดการณ์ว่าเฉพาะปีนี้ปีเดียว บริษัทต่างๆ
ที่คิดค้นรูปแบบธุรกิจใหม่จะสามารถสร้างรายได้สูงถึง 7.1 ล้านล้านดอลลาร์
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเม็ดเงินอาจเคลื่อนย้ายจากผู้เล่นเก่าไปสู่ผู้เล่นใหม่ที่สามารถปรับตัวและใช้นวัตกรรมได้ดีกว่า
อุตสาหกรรมร่วมมือกันเพื่ออนาคต
หัวใจสำคัญของความสำเร็จในยุคนี้คือ
"ความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม" ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ
"โดเมนการสร้าง"
ที่แสดงให้เห็นว่าหลากหลายอุตสาหกรรมทำงานร่วมกันอย่างไร
ทั้งการจับมือกันเป็นพันธมิตรเพื่อคิดค้นวิธีใหม่ๆ ในการพัฒนาเมืองให้ยั่งยืนและรับมือกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ
PwC
ชี้ให้เห็นว่าในอดีต บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเมือง เช่น
วิศวกรรม การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ มักจะทำงานแยกส่วนกัน
แต่ในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขยายตัวของเมือง และความก้าวหน้าของ AI
กำลังผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันข้ามอุตสาหกรรมมากขึ้น
ดังนั้น
ในยุคนี้เราจึงเห็นภาพนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มระดมทุนเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ส่วนบริษัทเทคโนโลยีก็ขยายเข้าสู่ตลาดเครื่องใช้ภายในบ้านด้วยอุปกรณ์จัดการพลังงานอัจฉริยะ
และบริษัทวิศวกรรมก็เริ่มขยายขอบเขตไปสู่สาขาใหม่ๆ เช่น
การจัดการน้ำเสียและพลังงานหมุนเวียน
PwC
คาดการณ์ว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในอุตสาหกรรมการก่อสร้างจะสร้างรายได้สูงถึง
5.17 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปีนี้ และภายในปี 2578 กลุ่มธุรกิจใหม่นี้อาจช่วยเพิ่ม GDP
โลกได้ถึง 3% จากฐานปัจจุบันที่ 13.76 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้
"โดเมนการเคลื่อนย้าย" หรือการคมนาคม
เป็นอีกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจร่วมมือกันข้ามอุตสาหกรรมมากขึ้น
ไม่จำกัดอยู่แค่ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น
บริษัทรถยนต์ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการชำระเงินหรือบริษัทพลังงาน ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในอุตสาหกรรมนี้
และช่วยผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
โดย PwC คาดการณ์ว่าจะมีเงินสูงถึง 4.25
แสนล้านดอลลาร์ไหลไปหาผู้เล่นใหม่ในปีนี้
เพราะลูกค้าหันมาใช้บริการแบบครบวงจรมากกว่าการซื้อแค่รถคันเดียว
"โดเมนแห่งการเติบโต"
โอกาสที่ผู้นำต้องคว้า
อย่างไรก็ดี
แม้ว่าโดเมนใหม่จะมีโอกาสเติบโตสูง
แต่ธุรกิจต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและคาดเดาได้ยาก
เทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเปลี่ยนกติกาเกมธุรกิจไปเลย
แต่สำหรับผู้นำธุรกิจที่กล้าคิดนอกกรอบและมองหานวัตกรรมใหม่ๆ
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเดิม ๆ
ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญได้อีกด้วย
สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จในยุคนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำธุรกิจจะนำเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ มาปรับใช้ได้ดีแค่ไหน "โดเมนของการเติบโต" จึงเป็นมากกว่าโอกาส แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดประตูสู่ความสำเร็จในอนาคต
ที่มา :
กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 2 ก.ค. 2568