ในยุคที่โลก
รวมถึงประเทศไทย กำลังเปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ Digital
Adoption & Transformation หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ขับเคลื่อนองค์กร
จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ
ภาครัฐกำลังปรับตัวก้าวเข้าสู่
e-Government
อย่างเป็นรูปธรรม
โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่การทำงานที่คล่องตัวขึ้น แต่เพื่อให้การบริการประชาชน
สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และสอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคใหม่
พร้อมสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อการพัฒนาดิจิทัลของประเทศในระยะยาว
ความก้าวหน้านี้สะท้อนผ่าน
ผลสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2024 (UN E-Government Survey
2024) ที่เผยแพร่โดยองค์การสหประชาชาติ พบว่า
ไทยขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 52 ของโลก (จากอันดับ 55 ในปี 2022) และรั้งอันดับที่
15 ของเอเชีย ในด้านการพัฒนา e-Government
แม้ยังอยู่ในระดับกลางของภูมิภาค
แต่ศักยภาพของไทยในการก้าวสู่ระดับสูงกว่ายังคงเปิดกว้างอย่างมาก
เบื้องหลังความก้าวหน้าของความสำเร็จ
เริ่มต้นขึ้นหลังการประกาศใช้
พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ที่วางกรอบสำคัญกำหนด
ให้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนต้องปรับการทำงาน และเปลี่ยนรูปแบบบริการสู่ e-Services
ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้การทำงานและการให้บริการมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญโปร่งใส
และมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยบริการของรัฐที่เชื่อมโยงกัน
โดยมี
4 หน่วยงานสำคัญร่วมขับเคลื่อน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(สำนักงาน ก.พ.ร.) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศให้ปลอดภัย
น่าเชื่อถือ ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ย้อนไทม์ไลน์
2 ปี ระบบ ‘ราชการไทยเป็นดิจิทัล’ แค่ไหน ?”
หลัง
พ.ร.บ. ฉบับนี้ บังคับใช้ ผ่านมากว่า 2 ปี เวลาอาจดูไม่นาน แต่กลับพบว่า
ระบบราชการบ้านเรารุดหน้าเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างรวดเร็ว
เริ่มจากการกำหนดให้ราชการทุกภาคส่วน ต้องมี
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระดับเริ่มต้น คือต้องมีช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อ
ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งเอกสารผ่านอีเมล์กลางของหน่วยงาน
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการ e-Services ที่ตอนนี้หน่วยงานราชการเกือบ 100%
มีอีเมล์ที่เป็นช่องทางกลางในการติดต่อสำหรับหน่วยงานภายนอกและประชาชนแล้ว
พร้อมขยับสู่
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระดับมาตรฐานที่ครอบคลุมบริการที่มีความซับซ้อนเช่น
การยื่นคำขอ การชำระค่าธรรมเนียม การออกใบอนุญาตต่างๆ
ที่วันนี้สามารถทำได้ผ่านทางออนไลน์แล้ว
ซึ่งไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ แต่ยังเสริมความโปร่งใส
ลดความซับซ้อน และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี
โดยในปี
2567 มีหน่วยงานที่พร้อมออกใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 45 หน่วยงาน กว่า 335
ใบอนุญาต
ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐทางออนไลน์ ในรูปแบบ e-Service
ได้แล้ว 2,623 บริการ โดยกว่า 84.31% พึงพอใจต่อบริการ e-Service
ของรัฐ นี่นับเป็นสัญญาณดีที่ถือเป็นก้าวสำคัญของราชการไทยที่เปลี่ยนจากบริการแบบเดิมๆ
มุ่งสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น
Digital
ID: กุญแจสำคัญสู่บริการ e-Services ภาครัฐที่ง่ายและปลอดภัย
หนึ่งในกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้บริการ
e-Services
ของภาครัฐมากขึ้นคือการเปลี่ยนวิธีการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
จากเดิมที่ต้องเดินทางไปยังหน่วยงาน พร้อมเอกสารมากมาย
มาสู่การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือที่เรียกว่า Digital ID ที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดย Digital ID เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะ
"ไขประตู" ไปสู่การบริการ Digital One Stop Services หรือการเชื่อมโยงบริการภาครัฐต่าง ๆ ไว้ที่เดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ปัจจุบันภาครัฐมีระบบยืนยันตัวตนที่เชื่อถือได้อย่าง ThaID ของกรมการปกครอง
ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการพิสูจน์ตัวตนและยืนยันตัวตนทางออนไลน์เพื่อเข้าใช้บริการต่าง
ๆ ของรัฐได้อย่างปลอดภัย
และภาครัฐเองก็สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้เข้าใช้บริการเป็นตัวจริงหรือไม่
ETDA
ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ‘ธุรกิจผู้ให้บริการ Digital
ID’ ได้วางแนวทางและมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลเพื่อรับรองความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
Digital ID ให้ประชาชนมั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวจะได้รับการคุ้มครองตามที่กฎหมาย
และมาตรฐานกำหนด ผ่านแนวทางการใช้งานที่น่าเชื่อถือ
เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของการทำธุรกรรมออนไลน์ เป็นต้น นอกจากการวางมาตรฐานแล้ว ETDA รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ยังเดินหน้าผลักดันส่งเสริมให้เกิดการใช้งาน Digital ID ตาม
“กรอบการขับเคลื่อนการให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลประเทศไทย ระยะที่
1 พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2567” หรือ Digital
ID framework ที่ประสบความสำเร็จ
ในการขยายการใช้งาน
Digital
ID อย่างแพร่หลายมากขึ้นผ่านบริการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น แอปเป๋าตัง มีผู้ใช้งานมากกว่า 40 ล้านคน
แอป ThaID มียอดผู้ใช้กว่า 22 ล้านคน พร้อมสานต่อสู่ Digital
ID framework ระยะที่ 2 (ปี 2568–2570)
ที่เร่งเครื่องตั้งเป้าให้เกิดการใช้ Digital ID เชื่อมโยงบริการ
e-Services ของภาครัฐให้ได้ทั้งหมด
เพื่อลดปัญหาการปลอมแปลงตัวบุคคลและการฉ้อโกงออนไลน์
ซึ่งปัจจุบันภายใต้การผลักดันของ ETDA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้เร่งเครื่องเชื่อม Digital ID กับ e-Services ของภาครัฐ แล้วกว่า 449 บริการ
ก้าวถัดไปของ
e-Government
กับเป้าการเชื่อมโยง e-Services ให้ไร้รอยต่อผ่านแพลตฟอร์มกลาง
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า
ตอนนี้ภาครัฐเข้าสู่การปฏิบัติงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระดับมาตรฐาน
ทั้งการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในสำนักงานให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ มีการใช้ e-Document
ลงลายมือชื่อ ด้วย e-Signature บริหารจัดการงานเอกสารผ่านระบบ
e-Saraban พร้อมปรับบริการแก่ประชาชนด้วยระบบ e-Services
ที่เชื่อมโยง Digital ID มาช่วยพิสูจน์และยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างสะดวก
รวดเร็วมากขึ้น แต่เป้าหมายของภาครัฐไม่ได้หยุดเท่านี้ เพราะหากจะก้าวสู่การเป็น
ราชการอิเล็กทรอนิกส์ ให้ได้สำเร็จหน่วยงานที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง ทั้ง กพร. DGA
กระทรวง ดีอี รวมถึง ETDA เอง
ต่างเห็นตรงกันว่า ควรเร่งสปีดให้ e-Services เชื่อมต่อและเชื่อมโยงกัน
เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างไร้รอยต่อ และสะดวกมากที่สุด
ซึ่งในปี
2568 นี้ ภาครัฐมีแผนจะเชื่อมโยงบริการ e-Services ทั้งหมดเข้าด้วยกันผ่าน ‘แพลตฟอร์มกลาง’ ที่จะรวมทุกบริการภาครัฐ
ซึ่งตอนนี้มีแพลตฟอร์มกลางสำหรับการให้บริการ e-Services ภาครัฐอยู่ด้วยกัน
5 แพลตฟอร์ม ได้แก่ ระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal), ระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ (Biz Portal)
เพื่อให้บริการด้านการออกหนังสือรับรอง ใบอนุญาต และเอกสารต่าง ๆ
แบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์, ระบบศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง
(Government Data Exchange: GDX) ระบบศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลและทะเบียนดิจิทัลระหว่างหน่วยงานของรัฐ,
ระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจ หรือ NSW
และทาง www.data.go.th ซึ่งทุกแพลตฟอร์ม
ประชาชน เอกชน ภาคธุรกิจ จะสามารถเข้าใช้บริการได้ด้วยการใช้ Digital ID เพื่อเข้าถึงข้อมูล และบริการต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ
ในการขอรับบริการ และยังสามารถเข้าถึงบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย โดยภายในปี
2570 นี้คาดว่าจะสามารถเชื่อมโยง e-Services ภาครัฐเข้าสู่แพลตฟอร์มกลางเหล่านี้ได้สำเร็จไม่น้อยกว่า
1,352 บริการ
จากจุดเริ่มต้นของ
‘พ.ร.บ.การปฏิบัติงานราชการทางอิเล็กทรอนิกส์’
สู่การยกระดับภาครัฐไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการอัปเกรดระบบราชการสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์
แต่คือการวางรากฐานประเทศให้พร้อมเดินหน้าในโลกอนาคต ที่ทุกบริการต้องรวดเร็ว โปร่งใส
และเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อให้ “ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล”
เกิดขึ้นจริงกับคนไทยทุกคน
ที่มา
:
ฐานเศรษฐกิจ
วันที่
14 พ.ค. 2568