ดีมานด์ ‘AI’ ดันรายได้ชิปทั่วโลก ปี 68 พุ่ง 7 แสนล้านดอลล์ ‘ซัมซุง’ แชมป์


จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์ส รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ชิปจีพียู (GPUs) และโปรเซสเซอร์เอไอ ที่ใช้ในแอปพลิเคชันของดาตาเซ็นเตอร์ (สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ Accelerator Cards) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงาน “เอไอ” และ “เจเนอเรทีฟ เอไอ” ทำให้ดาตาเซ็นเตอร์ กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากสมาร์ทโฟน ทำให้ในปี 2567 รายได้เซมิคอนดักเตอร์กลุ่มดาตาเซ็นเตอร์มีมูลค่ารวมที่ 112 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 64.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566

ผลดำเนินงานด้านบวกของตลาดโดยรวม ส่งผลต่อการจัดอันดับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายราย โดยมีผู้ผลิต 11 รายที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีเพียง 8 ราย จาก 25 อันดับแรกที่มีรายได้ลดลงในปีที่ผ่านมา

·      ‘ซัมซุง อิเล็กฯ’ ครองอันดับหนึ่ง

ปี 2567 การ์ทเนอร์ พบว่า ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 9 จาก 10 อันดับแรก (ตามตาราง) นั้นมีรายได้เติบโตเป็นบวก และการจัดอันดับ ท็อป 10 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

“ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” กลับมาครองอันดับ 1 แทน “อินเทล” และเพิ่มช่องว่างระหว่างกันมากขึ้นในปี 2567 โดยบริษัทฯ ได้แรงหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำ หรือ เมมโมรี ดีไวซ์ ส่งผลให้มีรายได้รวมที่ 66.5 พันล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ ซีเอ็นบีซี รายงานผลประกอบการ “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำและยักษ์ใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนไตรมาส 4 ปี 2567 มีรายได้ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่กําไรจากการดําเนินงานอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นประมาณ 130% จากปีก่อน แต่ลดลงถึง 29% จากไตรมาสที่ 3

ซัมซุง รายงานว่า แม้ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด จะหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งปี พบว่ายังมีรายได้สูง โดยทั้งปี 2567 ซัมซุงรายงานรายได้ 300.9 ล้านล้านวอนเพิ่มขึ้น 16.2% และกําไรจากการดําเนินงาน 32.7 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 398% จากปีก่อน

ไตรมาสปัจจุบัน ซัมซุง ระบุว่า รายได้อาจจำกัดเนื่องจากความอ่อนแอในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ แต่บริษัทวางแผนจะผลักดันยอดขายผ่านสมาร์ทโฟนเอไอ และผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมอื่นๆ เพื่อรักษาอัตราการเติบโต

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจชิปของซัมซุงเผชิญหน้ากับความท้าทายในไตรมาสนี้ มีกำไรลดลงมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 2.9 ล้านล้านวอน ซึ่งเมื่อพิจารณาผลประกอบการด้านชิปตลอดทั้งปี พบว่าซัมซุงมีกำไรต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง เอสเคไฮนิกส์ (SK Hynix) ที่มีกำไร8.08 ล้านล้านวอน

ไตรมาสนี้ธุรกิจหน่วยความจำของซัมซุงกลับทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขายถึง 30.1 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการชิปประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในแอปพลิเคชันเอไอ

กำไรในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากบริษัทลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เพิ่มขึ้น ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีในอนาคต

อย่างไรก็ดี ซัมซุง มองว่าปี 2025 รายได้ในไตรมาสแรกจะเติบโตอย่างจำกัดเนื่องจากตลาดชิปยังคงซบเซา ซึ่งบริษัทกำลังเร่งผลิตชิปเพื่อตอบสนองความต้องการของอินวิเดีย และคาดว่า ความต้องการของตลาดหน่วยความจําโดยรวมคาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสที่ 2

‘อินเทล’ อันดับ2- ‘อินวิเดีย’ ยังโดดเด่น

ขณะที่ อินเทล เลื่อนมาอยู่อันดับ 2 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่ม AI PCs และ Core Ultra Chipset ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI accelerator รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ x86 ที่ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้รายได้เซมิคอนดักเตอร์ของ อินเทล เติบโตเล็กน้อยเพียง 0.1% ในปี 2567

ขณะที่ อินวิเดีย ยังคงมีผลดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 84% ในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 46 พันล้านดอลลาร์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจเอไอ

การ์ทเนอร์ ชี้ด้วยว่าปี 2568 ชิป HBM จะมีสัดส่วนเป็น 19.2% ของรายได้ชิปกลุ่ม DRAM โดยเพิ่มจาก 13.6% ในปีที่แล้ว ทั้งนี้  ชิป HBM เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญต่อการพัฒนาโปรเซสเซอร์ขั้นสูง เช่น หน่วยประมวลผลกราฟิกของอินวิเดียที่สามารถใช้ทำงานด้าน เจเนอเรทีฟเอไอได้และมีบริษัทขนาดใหญ่เพียง 3 แห่งที่ผลิตชิปชนิดนี้ ได้แก่ SK Hynix และซัมซุงจากเกาหลีใต้ และบริษัทไมครอน เทคโนโลยีในสหรัฐ

ขณะที่ รายได้จากหน่วยความจำ (Memory) เติบโต 71.8% ในปี 2567 หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 25.2% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ขณะที่รายได้ชิป DRAM เพิ่มขึ้น 75.4% ส่วนรายได้หน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 75.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงหรือ High-Bandwidth Memory (HBM) มีส่วนสำคัญต่อรายได้ของผู้ผลิตชิป DRAM โดยรายได้ชิป HBM มีสัดส่วน 13.6% ของรายได้ชิป DRAM ทั้งหมดปี 2567

ส่วนรายได้ Nonmemory เพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 74.8% ของรายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดปี 2567

เมมโมรี และ เอไอ เซมิคอนดัคเตอร์ จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะสั้น โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าตลาดชิป HBM จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 19.2% ของชิป DRAM ปี 2568 และคาดว่ารายได้ชิป HBM จะเพิ่มขึ้น 66.3% ในปี 2568 มีมูลค่าแตะ 19.8 พันล้านดอลลาร์” บร็อคเคิลเฮิร์ส กล่าว

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 14 ก.พ. 2568


ไฟล์เอกสารแนบ
-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ข้อมูลวันที่ : 2025-02-14 04:17:24
700/1 หมู่ 1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี, ถ.บางนา-ตราด กม. 57, ต.คลองตำหรุ, อ.เมือง, จ.ชลบุรี 20000
038-215033-39, 033-266040-44
Icon made by Freepik from www.flaticon.com