ชาวอเมริกันหวั่น AI แย่งงานถาวร ปั่นการเมือง-ใช้โจมตีทางทหาร
เปิดผลโพลชาวอเมริกันกังวล
AI
แย่งงานถาวร-หวั่นถูกใช้สร้างความวุ่นวายทางการเมือง
พร้อมคัดค้านการใช้ AI เลือกเป้าหมายโจมตีทางทหาร
ตั้งแต่การเปิดตัวของ
ChatGPT
เมื่อปลายปี 2565 เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ก็กลายเป็นหัวข้อที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างพากันกระโดดเข้าสู่สนามนี้อย่างเต็มตัว ทำให้ AI
แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน
อุตสาหกรรม ไปจนถึงกิจกรรมทั่วๆ ไป แต่ในความตื่นเต้นนี้เอง ผลสำรวจล่าสุดจาก Reuters/Ipsos
กลับเผยให้เห็นถึงความกังวลที่น่าจับตามองของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะใน
3 ประเด็นหลัก
1.
กลัว AI แย่งงาน จนเกิดการว่างงานถาวร
นี่คือความกังวลที่ชัดเจนที่สุด
โดยผลสำรวจพบว่า 71%
ของชาวอเมริกันกลัวว่าการพัฒนาของ AI จะทำให้คนจำนวนมากต้องตกงานอย่างถาวร
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีสัญญาณการว่างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ
โดยอัตราว่างงานในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่เพียง 4.2%
แต่ความรู้สึกไม่มั่นคงในระยะยาวกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่ใจว่า AI จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานได้มากน้อยแค่ไหนในอนาคต
2.
กลัว AI สร้างข้อมูลปลอมที่ปั่นป่วนการเมือง
ความกังวลต่อการนำ
AI
ไปใช้ในทางที่ผิดก็สูงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในด้านการเมือง 77% ของผู้ตอบแบบสอบถามกังวลว่า AI จะถูกนำไปใช้สร้างวิดีโอปลอมที่สมจริงจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
ความกลัวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะไม่นานมานี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ก็เคยโพสต์วิดีโอที่สร้างจาก AI ซึ่งแสดงภาพอดีตประธานาธิบดีบารัค
โอบามา ถูกจับกุม ทั้งที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริง
สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งปลอมที่สร้างโดย AI
จะเป็นเรื่องท้าทายในอนาคต
3.
กลัว AI ในการทหาร
นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจและการเมืองแล้ว
การใช้ AI
ในด้านการทหารก็เป็นอีกเรื่องที่ชาวอเมริกันยังคงระแวง 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เห็นด้วยอย่างหนักที่รัฐบาลจะใช้ AI ในการกำหนดเป้าหมายโจมตีทางทหาร ในขณะที่มีเพียง 24%
เท่านั้นที่เห็นด้วย และอีก 28% ยังไม่แน่ใจ
ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่า
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงไม่ไว้วางใจให้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความปลอดภัยของมนุษย์
นอกจากประเด็นเรื่องการจ้างงานและการเมืองแล้ว
AI
ยังสร้างความกังวลในด้านอื่นๆ อีกเช่นกัน ทั้งในเรื่องของ พลังงาน
และ จริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามไปในตอนแรก
ความกังวลด้านพลังงาน
เมื่อ AI
กลืนกินไฟฟ้า
หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมามากขึ้นคือ
ปริมาณไฟฟ้ามหาศาลที่ต้องใช้เพื่อขับเคลื่อน AI โดย 61% ของชาวอเมริกันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะ AI ต้องการพลังงานสูงมาก โดยเฉพาะใน ศูนย์ข้อมูล (data centers) ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล
ล่าสุด
Google
ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้ทำข้อตกลงกับบริษัทไฟฟ้า 2 แห่งในสหรัฐฯ
เพื่อช่วยจัดการการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลในช่วงเวลาที่ความต้องการไฟฟ้าของระบบสูงเกินกำลังผลิต
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีเองก็ตระหนักถึงปัญหาและกำลังหาแนวทางแก้ไข
ความกังวลด้านจริยธรรม
AI
ดาบสองคม
แม้การลงทุนใน
AI
จะยังคงพุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทใหญ่อย่าง Foxconn และ SoftBank ก็เตรียมสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ศูนย์ข้อมูลในรัฐโอไฮโอ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง AI ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหลายกรณี
เช่น
การสนทนาเชิงโรแมนติกกับเด็ก
การเปิดให้บอท AI มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในลักษณะที่ไม่เหมาะสม
การสร้างข้อมูลทางการแพทย์ที่ผิดพลาด
การที่ AI
ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คน
การเผยแพร่ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติ
การที่ AI
ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตรายและสร้างความแตกแยกในสังคม
ประเด็นเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า
AI
ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือทางเทคนิคเท่านั้น
แต่ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมอย่างจริงจังอีกด้วย
ที่มา
:
Springnews
วันที่
22 สิงหาคม 2568
