การ์ทเนอร์เผยแนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของการนำคลาวด์มาใช้งานช่วง
4 ปี ข้างหน้านี้ ประกอบด้วย Cloud Dissatisfaction, AI/Machine
Learning (ML), Multicloud, Sustainability, Digital Sovereignty และ
Industry Solutions
นายโจ โร-กัส (Joe
Rogus ผู้อำนวยการฝ่ายให้คำปรึกษาของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า
"แนวโน้มเหล่านี้เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงของวิธีการที่คลาวด์เปลี่ยนผ่านจากตัวช่วยด้านเทคโนโลยีไปเป็นปัจจัยขับเคลื่อน
และความจำเป็นทางธุรกิจสำหรับองค์กรส่วนใหญ่ โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
คลาวด์จะยังเดินหน้าปลดล็อกโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ มอบความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน
และนำเสนอแนวทางบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ"
การ์ทเนอร์เปิด 6
แนวโน้มที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของคลาวด์ ส่งผลให้เกิดวิธีการทำงานใหม่ ๆ
ที่เป็นดิจิทัลโดยธรรมชาติและสร้างผลกระทบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง (ดูรูปที่ 1):
รูปที่ 1:
แนวโน้มสำคัญขับเคลื่อนอนาคตของคลาวด์
แนวโน้มที่ 1: Cloud
Dissatisfaction
การนำคลาวด์มาใช้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
แต่ไม่ใช่จะประสบความสำเร็จไปทั้งหมด การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 25%
ขององค์กรจะเจอกับความไม่พึงพอใจ (Dissatisfaction) ของการนำคลาวด์มาใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2028
อันเนื่องจากความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล การนำมาใช้ไม่เหมาะสม
และ/หรือปัญหาจากต้นทุนที่ไม่สามารถควบคุมได้
เพื่อให้ยังคงความสามารถในการแข่งขัน
องค์กรต้องมีกลยุทธ์คลาวด์ที่ชัดเจนและมีแผนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
การ์ทเนอร์ระบุว่าองค์กรที่สามารถแก้ไขปัญหาโดยให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์ล่วงหน้า
(Upfront
Strategic) ได้สำเร็จ ภายในปี 2029 จะพบเหตุการเกิด Cloud
Dissatisfaction ลดล
แนวโน้มที่ 2: ความต้องการเทคโนโลยี AI/ML
เพิ่มขึ้น
ความต้องการ AI/ML
กำลังเพิ่มขึ้นรวดเร็ว โดยผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หรือ
Hyperscaler จะเป็นแกนหลักของการเติบโตนี้
พวกเขาจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยวิธีการจัดสรรทรัพยากรด้านการประมวลผลโดยฝังความสามารถพื้นฐานเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐานไอที
เพื่ออำนวยความสะดวกในการร่วมมือกับทั้งผู้ขายและผู้ใช้
พร้อมใช้ประโยชน์จากข้อมูลจริงและข้อมูลสังเคราะห์ (Synthetic Data) เพื่อฝึกโมเดล AI การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2029
ครึ่งนึง (50%) ของทรัพยากรประมวลผลคลาวด์จะถูกใช้ในงาน AI เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่น้อยกว่า
10%
"ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าของปริมาณเวิร์กโหลดบนคลาวด์ที่เกี่ยวกับ
AI
ในปี 2029
โดยเวลานี้เป็นช่วงที่องค์กรต้องประเมินว่าดาต้าเซ็นเตอร์และกลยุทธ์คลาวด์ของพวกเขาพร้อมรับมือกับการเพิ่มขึ้นของความต้องการ
AI & ML หรือไม่ หลายเคสที่อาจต้องนำ AI ไปยังที่ที่ข้อมูลอยู่เพื่อสนับสนุนการเติบโตนี้"
แนวโน้มที่ 3: Multicloud
และ Cross Cloud
องค์กรหลายแห่งที่นำสถาปัตยกรรมมัลติคลาวด์มาใช้พบว่าการเชื่อมต่อกับและระหว่างผู้ให้บริการเป็นความท้าทาย
การขาดความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างสภาพแวดล้อมทำให้การนำคลาวด์มาใช้ช้าลง
โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2029 มากกว่าครึ่ง (50%) ขององค์กรจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังจากการใช้งานมัลติคลาวด์
การ์ทเนอร์แนะนำให้ระบุยูสเคสการใช้งานเฉพาะและวางแผนสำหรับ
Distributed
Apps และ Distributed Data ที่ใช้งานในองค์กรที่อาจได้ประโยชน์จากการนำโมเดลครอสคลาวด์มาใช้
(Cross-Cloud Deployment Model) ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้ทั่วทั้งแพลตฟอร์มคลาวด์
รวมถึงการใช้งานคลาวด์แบบ On-Premise และ Colocation
แนวโน้มที่ 4: Industry
Solutions
การใช้งานแพลตฟอร์มคลาวด์เฉพาะอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
มีผู้ให้บริการจำนวนมากขึ้นเสนอโซลูชันที่ตอบสนองผลลัพธ์ทางธุรกิจเฉพาะ
และช่วยขยายขนาดโครงการดิจิทัล การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2029 เกินกว่าครึ่ง
(50%) ขององค์กรจะใช้ Industry Cloud Platforms เพื่อเร่งโครงการทางธุรกิจ
การ์ทเนอร์ยังแนะนำให้องค์กรนำแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมมาวางไว้เป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถใหม่
ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์และบริการไอทีให้กว้างขึ้น มากกว่าการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
ซึ่งจะช่วยให้องค์กรหลีกเลี่ยงหนี้ทางเทคนิค (Technical Debt) สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้
แนวโน้มที่ 5: Digital
Sovereignty
การนำ AI มาใช้ กฎระเบียบความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดขึ้น
และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังขับเคลื่อนความต้องการใช้บริการ Sovereign
Cloud องค์กรจะถูกกำหนดให้ต้องปกป้องข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน
และเวิร์กโหลดสำคัญ ๆ
จากการควบคุมโดยเขตอำนาจศาลจากภายนอกและการเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาลต่างประเทศมากขึ้น
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2029 เกินกว่า 50% ขององค์กรข้ามประเทศจะมีกลยุทธ์ Digital
Sovereign เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่น้อยกว่า 10%
"ขณะที่องค์กรปรับกลยุทธ์คลาวด์เป็นเชิงรุกเพื่อตอบสนองข้อกำหนด
Digital
Sovereignty กลับมีข้อเสนอที่หลากหลายอยู่แล้วที่จะสนับสนุนพวกเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องเข้าใจข้อกำหนดของตนเองอย่างแน่ชัด
เพื่อที่จะสามารถเลือกส่วนผสมที่เหมาะสมของโซลูชันในการปกป้องข้อมูลและการดำเนินงานของตนได้อย่างสมบูรณ์"
แนวโน้มที่ 6: Sustainabilit
ผู้ให้บริการและผู้ใช้งานคลาวด์มีความรับผิดชอบร่วมกันต่อโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ยั่งยืนมากขึ้น
สิ่งนี้ได้รับการขับเคลื่อนโดยผู้กำกับดูแล นักลงทุน
และความต้องการของสาธารณะสำหรับให้มีความสอดคล้องที่มากขึ้นระหว่างการลงทุนเทคโนโลยีและเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากเวิร์กโหลด AI ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น
องค์กรจึงยังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องมีความเข้าใจ วัดผล
และจัดการผลกระทบด้านความยั่งยืนของเทคโนโลยีคลาวด์ใหม่ ๆ ให้มากยิ่งขึ้น
การวิจัยของการ์ทเนอร์เผยให้เห็นว่า ในปี
2029
มีเปอร์เซ็นต์ขององค์กรทั่วโลกที่จัดลำดับความสำคัญด้านความยั่งยืนไว้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดซื้อจัดจ้าง
(Procurement)
เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50%
เพื่อให้ได้มูลค่าที่มากขึ้นจากการลงทุนคลาวด์
องค์กรต้องมองไปไกลกว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวและจัดวางกลยุทธ์ความยั่งยืนของตนให้สอดรับกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 10 มิถุนายน 2568