ภาครัฐและเอกชนของประเทศจีนตั้งเป้าแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วยการเติมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเพื่ออุดรูรั่วดังกล่าวที่เกิดขึ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้ระบบอัตโนมัตินั้นยังคงต้องการแรงงานในการดำเนินการอยู่ดี
แตกต่างกันตรงที่ว่าแรงงานที่ขาดนั้นอาจเป็นแรงงานระดับปฏิบัติการณ์ในสายการผลิต
แต่แรงงานที่ต้องการสำหรับระบบอัตโนมัตินั้นเป็นแรงงานที่มีทักษะสูง
แม้ว่าการขาดแคลนแรงงานนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทึกประเทศ
แต่ดูเหมือนว่าประเทศจีนที่ได้รับสมญานามว่า ‘โรงงานของโลก’
จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาจากภาครัฐ คือ
การเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเพื่อลดปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน
Anjani
Trivedi ผู้เชี่ยวชาญจาก Bloomberg ชี้ให้เห็นความตั้งใจของรัฐบาลกลางของจีนนั้นตั้งใจเพิ่มอัตราส่วนของแรงงานจากหุ่นยนต์
246 ตัวต่อแรงงาน 10,000 คนในปี 2025 เป็น 2 เท่าของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2020
คิดเป็นการเติบโตในการใช้หุ่นยนต์ถึง 13% ต่อปี
แม้ว่าผู้ผลิตหุ่นยนต์ในจีนเองสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่ทำงานซับซ้อนได้คล้ายคลึงกับมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นงานเชื่อม ขันสกรู หรือการสลักลายด้วยเลเซอร์
ซึ่งภาพที่ออกมาจึงสร้างความเข้าใจได้ว่าจีนจะเพิ่มศักยภาพในการผลิตและผลิตภาพในงานต่าง
ๆ ได้อย่างดี แต่ทว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานนั้นกลับมีผลร้ายต่อระบบอัตโนมัติมากกว่าที่คิด
การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเหมาะสมกับระบบอัตโนมัตินั้นที่เดิมทีมีน้อยอยู่แล้วกลับถูกเร่งความต้องการจำนวนมหาศาลด้วยนโยบายจากภาครัฐ
ทำให้การขาดแคลนแรงงานในส่วนที่จะขับเคลื่อนเทคโนโ,ยีที่เป็นดังหัวใจของแผนไม่อาจถูกเติมเต็มได้ในเวลาอันสั้นเนื่องจากต้องอาศัยปัจจัยจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐาน
ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ถิ่นที่พำนัก ตลอดจนนโยบายสนับสนุนที่ถูกออกแบบมาเฉพาะแรงงานทักษะสูงของภาครัฐในการจูงใจ
การเติมช่องว่างของแรงงานด้วยระบบอัตโนมัติในจีนจึงอาจไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่ดีดังที่คิดนัก
แม้จะมีความคาดหวังว่าจะได้แรงงานหน้าใหม่อายุน้อยเข้ามาบรรเทาสถานการณ์แต่ในความเป็นจริงแล้วแรงงานหน้าใหม่ไม่น้อยที่เลือกหันหน้าไปภาคการบริการเนื่องจากให้ความสำคัญกับการอยู่ใกล้ครอบครัว
ทำให้มีแรงงานหน้าใหม่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตบเท้าเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
ผู้เชี่ยวชาญจาก Bloomberg
ยังเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องว่าปัจจุบันมีการประมาณการแรงงานอพยพของประเทศจีนกว่า
300 ล้านคนที่อาจไม่สามารถสร้างมูลค่าให้กับ GDP ได้อย่างที่ควร
และมีแรงงานที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือสูงกว่าเพียง 12.6% เท่านั้น กว่า
40%
ของกิจกรรมที่เกิดขึ้นถูกดำเนินการโดยแรงงานอพยพมาหางานในเขตอุตสาหกรรมกำลังจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติในไม่ช้านี้
โดยแรงงานมากกว่าครึ่งมีอายุ 41 ปีและมีอายุที่มากกว่านั้น ทำให้การ Reskill
เป็นอะไรที่ยากลำบาก
ที่มา : mmthailand
วันที่ 16 มีนาคม 2566