การมาของ
Gen
AI หรือ AI “ผู้สร้าง”
ทำให้ตลาดฝั่งเอไอคึกคัก
แต่ตลาดฝั่งแรงงานมนุษย์ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจและโรคระบาด
เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างงาน
การถือกำเนิดของ
Generative
AI (Gen AI) หรือ AI “ผู้สร้าง”
ถูกพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Midjourney เอไอสายวาดภาพประกอบ,
DALL-E เอไอเลียนแบบเสียงมนุษย์ และ ChatGPT แชทบอตตอบคำถามอัจฉริยะ
ซึ่งยังมีเหล่าเอไอสายอาชีพไม่ว่าจะเป็น ทนายความหุ่นยนต์ อินฟลูเอนเซอร์หุ่นยนต์
นักข่าวหุ่นยนต์ ฯลฯ
เอไอเหล่านี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์
มีฝั่งที่ต้องการปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์
และฝั่งที่เป็นกังวลว่าเอไอจะเข้ามาทำให้โลกปั่นป่วน
ด้านภาคอุตสาหกรรมมีเงินทุนหลายล้านดอลลาร์สะพัดในระบบเศรษฐกิจ ทำให้ปี 2022
ถูกขนานนามว่าเป็นปีทองของ “Generative AI”
และในปี
2023 นี้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ กูเกิล แอมะซอน ทวิตเตอร์
และเมตา ต่างทยอยกันปลดพนักงานหลายหมื่นคน ขณะที่ตลาดฝั่งเอไอกำลังคึกคัก
แต่ตลาดฝั่งแรงงานมนุษย์ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจและโรคระบาด
ChatGPT
และท่าทีของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี
การเข้ามาของ
ChatGPT
แชทบอตอัจฉริยะที่สร้างโดยบริษัทโอเพนเอไอ
ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมครั้งยิ่งใหญ่ในวงการเทคโนโลยี ผู้บริหารกูเกิล
ส่งสัญญาณรหัสแดง ให้กับโปรแกรมเมอร์ และเรียกประชุมทีมครั้งใหญ่
เพื่อเร่งพัฒนาเอไอตัวใหม่ที่จะสามารถแข่งกับ ChatGPT ได้
เพราะกลัวว่าแชทบอตดังกล่าวจะเข้ามาคุกคามธุรกิจการค้นหา
นักวิจารณ์ด้านเทคโนโลยีชี้ว่า หากกูเกิลไม่ปรับตัวเรื่องการให้ความสำคัญกับโฆษณาและผลลัพธ์การค้นหาของสปอนเซอร์ อาจจะมีสิทธิ์ ‘ถูกโค่น’ ตำแหน่งสูงมาก เพราะคนจะหันมาใช้ ChatGPT ที่ไร้โฆษณาและตอบคำถามได้ตรงตัวแทน
เราอาจได้เห็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในการประชุมนักพัฒนาซอฟท์แวร์ประจำปีของกูเกิล
หรือ I/O
ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม
สิ่งที่น่าจับตามองอีกหนึ่งอย่างคือ
บริษัทไมโครซอฟท์กำลังเจรจาลงทุนในบริษัท โอเพนเอไอ ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว
3.34 แสนล้านบาท) โดยในข้อตกลงระบุให้ไมโครซอฟท์จ่ายเงินหลายงวดเป็นระยะเวลาหลายปี
หากเจรจาสำเร็จไมโครซอฟท์จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโอเพนเอไอ
นอกจากนี้
ไมโครซอฟท์ได้โพสต์บนบล็อกของบริษัทในวันที่ 17 ม.ค. ว่า เตรียมเพิ่ม ChatGPT
ลงในระบบคลาวด์อาชัวร์ (Azure) ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเครื่องมือได้หลากหลาย
เช่น ระบบภาษา GPT-3.5 ที่เป็นพื้นฐานของ ChatGPT รวมไปถึงโมเดล Dall-E สำหรับสร้างรูปภาพจากคำสั่งภาษาในโปรแกรมพร้อมท์
(Prompts)
ไมโครซอฟท์ถือเป็นบริษัทที่หมกหมุ่นกับการพัฒนาเอไอเป็นอย่างยิ่ง
สำนักข่าว Teachsauce รายงานว่า ปี 2019
ไมโครซอฟท์พยายามแซงหน้าแอมะซอน และกูเกิล ในด้านคลาวด์และเอไอ โดยเริ่มลงทุน 1
พันล้านดอลลาร์ ในโอเพนเอไอด้วยเงินสดและคลาวด์เครดิตซึ่ง ซึ่งในขณะนั้น
โอเพนเอไอยังเป็นบริษัทเล็กๆ ในซานฟรานซิสโก
และได้ลงทุนอย่างเงียบๆ
อีก 2 พันล้านดอลลาร์ ร่วมพัฒนาระบบประมวลผลด้วย Artificial
general intelligence (AGI) หลังบ้านร่วมกับ โอเพนเอไอมาโดยตลอด
ส่วนโปรดักต์ของโอเพนเอไอนั้นก็ได้รับการดูแลสนับสนุนระบบโดยไมโครซอฟท์บน Azure
AI Super-Computing Infrastructure อีกด้วย
ในปี
2022 ไมโครซอฟท์นำ DALL-E 2 ที่เป็น AI
text-to-image model ของโอเพนเอไอมาใช้งานในอาชัวร์ และเมื่อเกิด ChatGPT
ในปี 2023 ขึ้น ไมโครซอฟท์จึงเร่งหารือเพื่อลงทุนในข้อตกลง
พร้อมแผนการนำมาใช้ในโปรดักต์หลากหลายแบบ
ขณะนี้ ยักษ์ใหญ่ 2 เจ้ากำลังหาวิธีรับมือกับโอเพนเอไอ หากไม่มีผลิตภัณฑ์ที่มาสะกัดกั้นก็ง่ายต่อการถูกดิสรัปชัน อย่างที่ตนเองได้เคยทำกับบริษัทอื่นๆ ที่ผ่านมา
AI
กับแรงงานในอนาคต
ก่อนหน้านี้เรามีเอไอช่วยทุ่นแรงด้วยการทำงานง่ายๆ
แต่ในปัจจุบันเอไอผู้สร้างสามารถทำงานที่ซับซ้อนกว่านั้นได้มากขึ้น ฟังก์ชันของ ChatGPT
สามารถตอบคำถาม เขียนเรียงความ เขียนใบสมัครงาน ตอบคำถามลูกค้า
แต่งเพลง สร้างบทละคร ไปจนถึงการเขียนโปรแกรม
สิ่งเหล่านี้เกิดคำถามต่อไปว่า
หากเอไอพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มันจะเข้ามาแย่งงานของมนุษย์หรือไม่?
ไมโครซอฟท์เคยออกมาอธิบายเรื่องการเลิกจ้างพนักงาน
เพราะต้องการเปลี่ยนไปใช้เอไอในการทำงานแทน
โดยให้เหตุผลว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโรคระบาด แต่ต้องการลดต้นทุน
และต้องการปรับตามสถานการณ์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันและยังมีบริษัท
โคคา-โคลา, เป๊ปซี่ โคลา, อิเกีย
ที่ได้นำเอไอไปปรับใช้กับระบบคัดกรองคนเข้าทำงาน (HR) เช่นเดียวกัน
‘7
สายอาชีพ’ เสี่ยงตกงาน
สำนักข่าว
Gizmodo
รายงานว่า การพัฒนา ChatGPT ไปเรื่อยๆ
จนปัญญาประดิษฐ์มีความสามารถแกร่งกล้า ฝีมือเทียบเท่าหรือดีกว่ามนุษย์
อาจจะทำให้สายงานดังต่อไปนี้ได้รับผลกระทบที่ตามมา
·
นักวาดภาพประกอบ
เอไอผู้สร้างได้ทำให้การวาดรูปนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเพียงแค่พิมพ์คีย์เวิร์ดลงบนโปรแกรมก็ทำให้ภาพถูกรังสรรค์ออกมาเหมือนกับฝีมือของมนุษย์
โดยที่ผ่านมา มีเครื่องมือช่วยสร้างภาพอย่าง DALL-E โปรแกรมสร้างภาพของโอเพนเอไอ
และ Midjourney เอไอวาดรูปตามสั่ง ช่วงแรกเราเห็นว่าเอไอเหล่านี้เป็นสิ่งที่สนุก
น่าตื่นเต้น และได้รับความนิยม
แต่ในภายหลังเมื่อมีคนนำรูปวาดที่สร้างโดยเอไอไปแข่งขันและได้รับรางวัล
กลับถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา ทำให้กลุ่มศิลปินออกมายื่นฟ้องบริษัทผู้สร้าง ได้แก่
ไมโครซอฟท์ กิตฮับ และโอเพนเอไอ ในข้อกล่าวหาว่า
การสร้างภาพโดยเอไอได้นำลิขสิทธิ์ของรูปวาดตนเองมาใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม
และไม่ให้เครดิต หรือค่าตอบแทนใดๆ แก่ศิลปิน
·
งานสายบริการลูกค้า
ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่ได้ใช้เอไอตอบคำถามเบื้องต้น
และเมื่อเจอคำถามยากๆ ก็จะใช้พนักงานที่เป็นมนุษย์ แต่หาก ChatGPT
ถูกพัฒนาจนทำให้ตอบคำถามเรื่องซับซ้อนได้
แรงงานที่เป็นมนุษย์เหล่านั้นก็จะเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างงาน
·
นักเขียนคำโฆษณา
ขณะนี้ได้มีฟังก์ชัน “เขียนคำโฆษณา AI
ฟรีแบบไม่จำกัด” ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเอไอ มาจากบริษัท Jounce
AI และด้วยความสามารถของ ChatGPT ก็ทำให้มีคนไปใช้บริการเขียนโฆษณาเพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์หรือการบริการในธุจกิจเป็นจำนวนมาก
โดยมีแนวโน้มว่า ในอนาคตอุตสาหกรรมการเขียนคำโฆษณาจะเป็นระบบอัตโนมัติที่เขียนด้วยเอไอถึง
90%
·
ทนายความ
บริษัทด้านกฎหมาย
DoNotPay
พัฒนาหุ่นยนต์ทนายความที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ซึ่งเตรียมสู้คดีจำเลยโดนใบสั่ง ในศาลสหรัฐเดือนกุมภาพันธ์นี้
นับว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้เอไอตัดสินความยุติธรรม และแน่นอนว่า
มันจะส่งผลกระทบต่อสายงานด้านกฎหมายในอนาคตอย่างเลี่ยงไม่ได้
·
นักวิทยาศาสตร์
ผลการศึกษาล่าสุดจาก
มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา อ้างว่า
แม้แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังบอกความแตกต่างระหว่างบทคัดย่อทางวิทยาศาสตร์ที่เขียนโดยมนุษย์กับที่เขียนโดย
ChatGPT
ไม่ได้ ซึ่งต่อไปการเขียนบทความวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นระบบที่ใช้เอไอเขียนทั้งหมด
·
โปรแกรมเมอร์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เห็นการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์ม
เช่น AlphaCode
ซึ่งกล่าวกันว่าสามารถ
“แข่งขันกับมนุษย์เพื่อแก้ปัญหาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างง่าย” ในเวลาเดียวกัน
แชทบอตอย่าง GPT สามารถใช้ตอบคำถามและเขียนโค้ดได้
แม้ว่าจะทำได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ที่นำระบบอัตโนมัติมาเขียนโค้ดโปรแกรม
·
อินฟลูเอนเซอร์และนางแบบ
เรามีตัวอย่างอินฟลูเอนเซอร์หุ่นยนต์
อย่างเช่น โรซี่ น้องไอรีน น้องกะทิ ที่รับงานได้เหมือนกับนางแบบที่เป็นมนุษย์ และยังไม่มีข้อจำกัดด้านร่างกาย
ผู้คนฝั่งทางธุรกิจตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องจ้างมนุษย์หน้าตาดีราคาแพง
ในเมื่อคุณสามารถใช้ซอฟท์แวร์เพื่อสร้างนางแบบดิจิทัลได้”
นับว่า การมีอยู่ของเอไอผู้สร้างจะไม่ได้มาเพื่อทดแทนแรงงานไร้ฝีมือแค่อย่างเดียว แต่อาจจะสามารถเข้ามาทดแทนแรงงานทักษะสูงได้อีกด้วย
ทั้ง
‘มนุษย์’ และ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ยังมีจุดที่ต้องปรับ
แม้ว่า
ChatGPT
จะมีความสามารถหลากหลาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
ด้านผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ว่า เอไอที่ถูกสร้างขึ้นมีความคิดสุดโต่งในหลายด้าน
เพราะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของความคิดมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ที่มีแนวโน้มเหยียดสีผิว
ชิงชังทางเพศ ทำให้เกิดการตอบคำถามที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เลือกปฏิบัติ
และให้ข้อมูลที่ผิดพลาด
ก่อนหน้านี้การนำเอไอมาใช้งานดูเป็นเรื่องที่ยากและไกลตัว
แต่ปัจจุบันใครๆ ก็สามารถใช้งานได้ สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครสามารถทราบถึงอนาคตว่า
การเข้ามาของเอไอ จะถูกใช้และพัฒนาไปในทิศทางไหน แม้แต่ซีอีโอของบริษัทโอเพนเอไอ
ผู้สร้าง ChatGPT อย่าง Sam Altman ยังกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีเอไอถูกใช้งานโดยคนทั่วไป”
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 24 มกราคม 2566