Ericsson
นำเสนอรายงานการศึกษาการใช้งาน 5G ใน 15
ประเทศที่เป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา
โดยการศึกษาดังกล่าวเป็นการว่าจ้าง Analysys Mason บริษัทที่ปรึกษา
พบว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้จะมีการเติบโตของ GDP อยู่ระหว่าง
0.3-0.46% จากปัจจุบันไปจนถึงปี 2035
มีการประมาณการว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนอยู่ที่ 3-7 เท่า
การศึกษาดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศบังกลาเทศ
บราซิล ชิลี โคลัมเบีย อียิปต์ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก โมรอคโค
ไนจีเรีย ปากีสถาน แอฟริกาใต้ ตุรกี และประเทศไทย โดยศึกษาจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดตั้งใช้งาน
5G
เพื่อยกระดับการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่และ FWA ทั้งในกลุ่มผู้บริโภค อุตสาหกรรม โลจิสติกส์ พื้นที่ห่างไกล
และกลุ่มคลัสเตอร์งานบริการสาธารณะ พิจารณาจากสถิติของทางภาครัฐและรายงานต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นความหนาแน่นของประชากรและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่มีอยู่เดิม
ไม่ว่าจะถนน รางรถไฟ เพื่อให้เห็นโมเดลที่จะเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
ปัจจัยสำคัญในความสำเร็จอยู่ที่การขยายสัญญาณช่วง
Mid-Band
5G ที่มีศักยภาพต่อเศรษฐกิจที่สูงถึง 80%
ผลตอบแทนในส่วนของอุตสาหกรรมอัจฉริยะและการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในพื้นที่ห่างไกลนั้นคิดเป็น
85-90% ของผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในตลาดใหม่เหล่านี้
ภาคการเกษตรนั้นเป็นส่วนสำคัญทั้ง
15 ประเทศ คิดเป็น 10% ของ GDP ในบางตลาดเลยทีเดียว
รายงานคาดการณ์ว่าการยกระดับ 5G ให้ครอบคลุมจะช่วยเพิ่ม GDP
1.8% ในระยะยาวจากภาคการเกษตร นอกจากนี้ 5G ยังสนับสนุนการเกษตรยั่งยืนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเปล่าได้
และรายงานการศึกษานี้ยังเผยให้เห็นว่าวิธีที่รัฐบาลสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหรือนโยบายต่าง
ๆ สามารถผลักดัน 5G Ecosystem ให้กลายเป็นผลตอบแทนที่ชัดเจนได้
โดย
6 ไฮไลท์จากรายงานการใช้งาน 5G ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่น่าสนใจ
ได้แก่
ต้นทุนในการติดตั้ง
5G
อยู่ระหว่าง 3-6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อประเทศ และมีเพิ่มเติมอีก
20-35% ในการลงทุนเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในการใช้งาน
การขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมมากกว่าพื้นที่เริ่มต้นให้บริการสามารถสร้าง
GDP
อยางมีนัยยะสำคัญ ตั้งแต่การปรับใช้งานของภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายช่วง Md-Band ให้ครอบคลุม
ประเทศส่วนใหญ่ถูกพิจารณาว่ามีแนวโน้มในการสร้าง
GDP
เพิ่มขึ้น 3-7 เท่าจากทุนเพิ่มเติมที่ทำให้การใช้งานครอบคลุมพื้นที่
ผลการศึกษาเสนอแนะว่า
เครือข่ายเคลื่อนที่ 5G ทำให้เกิดส่วนเกินของผู้บริโภค
(Consumer Surplus) ระหว่าง 1,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในแต่ละประเทศ
และในกรณีของการขยายพื้นที่สัญญาณให้ครอบคลุมจัสร้างส่วนเกินของผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้น
20-30%
ผลตอบแทนทางสังคมจากการเปิดประตูสู่
5G
จะได้รับประโยชน์สูงสุดในส่วนของการใช้งานใน FWA ที่มีพื้นฐานจาก 5G, โรงงานอัจฉริยะ, การบินและโลจิสติกส์, การเกษตร และสาธารณสุข
การปรับใช้
5G
สามารถลดการปลดปล่อยมลภาวะได้ด้วยการสนับสนุนให้เกิด Digital
Transformation ในภาคการเกษตร, การบินและโลจติสติกส์,
โรงงานอัจฉริยะ และภาคการก่อสร้าง
หนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญของรายงานนี้
คือ การชี้ให้เห็นว่าการมีช่วงคลื่น Spectrum ที่ใช่สำหรับการติดตั้งใช้งาน 5G จะให้ผลตอบแทนที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นการครอบคลุมทางด้านภูมิศาสตร์ซึ่งเหมาะกับกลุ่ม Low-Band และในกลุ่มของ 3.5GHz ที่มีการใช้งาน 5G กันมากที่สุดซึ่งเกิดขึ้นแล้วในตลาดอื่น ๆ
เป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับกลุ่มประเทศเหล่านี้เช่นกัน
ที่มา : MMThailand
วันที่ 23 มกราคม 2566