ปัจจุบันเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัตินั้นได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าใหม่
ๆ ขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการผลิตรอบโลก
ด้วยความสามารถในการลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ทำให้หุ่นยนต์กลายมาเป็นปัจจัยหลักที่ทุกโรงงานต้องเร่งลงทุนเพิ่มขึ้นหากต้องการจะยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้แก่ธุรกิจของตนเอง
ท่ามกลางเทรนด์และนวัตกรรมใหม่
ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทหลาย ๆ
แห่งเองก็อาจจะกำลังสงสัยว่าเทรนด์เทคโนโลยีประเภทใดที่องค์กรของตนควรให้ความสำคัญและเลือกลงทุนในปี
2024
ในวันนี้
MM
Modern Manufacturing จึงได้รวบรวมเอารายการที่น่าสนใจของ 5 อันดับเทรนด์ด้านการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่กำลังเป็นที่นิยมในปี 2024 จากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR) มาไว้ให้ทุกท่านแล้วครับ
1.
Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML)
การเข้ามาของเทคโนโลยี
Generative
AI อย่าง ChatGPT นั้นได้จุดประกายความเป็นไปได้ใหม่
ๆ ของการพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมได้อย่างมหาศาล โดยปัจจุบันการใช้ Generative
AI เข้ามาเสริมในการพัฒนาระบบของหุ่นยนต์นั้นได้ทำให้การตั้งโปรแกรมหุ่นยนต์สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายผ่านการใช้ภาษาธรรมชาติ
(Natural Language) หรือภาษาทั่วไปที่เราใช้ในการพูดคุยสื่อสาร
ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการการเขียนโปรแกรมเพื่อที่จะเข้าใจการสั่งการหุ่นยนต์เหมือนอย่างในอดีต
โดยนอกจากการตั้งโปรแกรมที่ง่ายขึ้นแล้ว
การใช้ระบบ AI และ ML ยังช่วยให้โรงงานสามารถทำการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์
(Predictive Maintainance) ได้ ซึ่งจะช่วยลด Downtime
ที่เกิดขึ้นและลดต้นทุนที่ต้องใช้ในการดูแลรักษาเครื่องจักรลงได้อย่างมหาศาล
นอกจากนี้การมีระบบอัลกอริธึม Machine Learning อยู่ในสายการผลิตยังช่วยให้โรงงานสามารถปรับปรุงรูปแบบการทำงานของตนเองให้มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากขึ้นได้อีกด้วย
2.
Collaborative Robots (Cobots)
นอกจากหุ่นยนต์
Robot
ทั่วไปที่หลาย ๆ ท่านคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วในโรงงาน
ปัจจุบันเทรนด์ของหุ่นยนต์ชนิดที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่าง Collaborative
Robots หรือ ‘Cobots’ นั้นได้กลายมาเป็นประเภทของหุ่นยนต์ที่หลาย
ๆ โรงงานต่างก็ให้ความสนใจกันมากขึ้นอย่างกว้างขวาง
ด้วยการออกแบบที่เน้นไปที่ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทำให้ Cobot กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่หลาย ๆ
โรงงานไว้ใจให้ทำงานอยู่เคียงข้างแรงงานของตนเอง
โดยเหล่าผู้ผลิตหุ่นยนต์
Cobot
ก็ยังมีการขยายขอบเขตความสามารถของการใช้งาน Cobot ให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบันอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทำให้แนวโน้มการเติบโตของตลาด Cobot มีการเติบโตขึ้นจากมูลค่า
1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022
ขึ้นไปสูงถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในปี 2028 และจะทำให้ Cobot สามารถเข้าไปมีบทบาทได้ทั้งในบริษัทระดับเล็ก-กลาง
(SMEs) ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ (Large Enterprise
Companies)
3.
Mobile Manipulators (MoMas)
Mobile
Manipulators (MoMas) หรือหุ่นยนต์แขนกลเคลื่อนที่ได้ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่องานอย่างการขนถ่ายวัสดุในอุตสาหกรรมต่าง
ๆ นั้นเป็นการผสมผสานเอาเทคโนโลยีอย่างแขนกลและแพลตฟอร์มหุ่นยนต์เข้ามาไว้ด้วยกัน
ซึ่งช่วยให้ MoMas สามารถทำการเคลื่อนที่ผ่านสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนในโรงงานและจัดการวัตถุต่าง
ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งยังสามารถเข้ามาช่วยในการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ในสายการผลิตได้อีกด้วย
คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้หุ่นยนต์
MoMas
สามารถนำมาใช้สนับสนุนการทำงานของมนุษย์ให้มีความต่อเนื่องมากขึ้นได้
โดยปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เทคโนโลยี MoMas มีความต้องการมากขึ้นในตลาดอุตสาหกรรมรอบโลกก็มาจากปัญหาใหญ่อย่างการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและแรงงานทั่วไปในอุตสาหกรรมที่ทำให้ตลาดของหุ่นยนต์
MoMas ยิ่งมีแนวโน้มที่จะขยายตัวออกไปมากขึ้นตามไปด้วย
4.
Digital Twins
เทคโนโลยี
Digital
Twin เป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติผ่านการสร้างแบบจำลองเสมือนของหุ่นยนต์จากข้อมูลการปฏิบัติงานในโลกจริงขึ้นมา
โดย Digital Twin นั้นสามารถช่วยให้โรงงานสามารถทำการทดสอบ
จำลองและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ได้จากการปฏิบัติงานขึ้นมาได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทดลองเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของสายการผลิตจริง
เรียกได้ Digital Twin นั้นเป็นเสมือนสะพานเชื่อมต่อช่องว่างระหว่างโลกดิจิทัลและโลกกายภาพที่ช่วยทั้งประหยัดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยในการทดสอบระบบของโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.
Humanoid Robots
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เทรนด์ของการพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์มากขึ้นนั้นได้กลายมาเป็นเรื่องที่พบเห็นได้มากขึ้นเรื่อย
ๆ
โดยสาเหตุหลักนั้นก็มาจากการที่หุ่นยนต์เหล่านี้มีความยืดหยุ่นในการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมต่าง
ๆ ได้ดีกว่าหุ่นยนต์ทั่วไปที่เราคุ้นชินนั่นเอง
หุ่นยนต์
Humanoid
นั้นสามารถถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้ในงานหลากหลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็นด้านการประกอบและหยิบจับสินค้า หรืองานบริการทั่วไป
ซึ่งการมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับมนุษย์นั้นยังช่วยให้หุ่นยนต์ Humanoid สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมเดียวกับมนุษย์ได้ โรงงานและสายการผลิตต่าง ๆ
จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสายการผลิตและแรงงานมนุษย์เองก็จะไม่รู้สึกแปลกแยกจากการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับตนเองด้วยเช่นกัน
โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
(MIIT)
แห่งประเทศจีนนั้นยังได้คาดการณ์ว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเติบโตของเทคโนโลยีหุ่นยนต์
Humanoid รอบโลกนั้นมีศักยภาพที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานและวิถีชีวิตของมนุษย์ได้มากพอ
ๆ กับการเข้ามาของ Disruptive Technology ในอดีตอย่างคอมพิวเตอร์
สมาร์ทโฟนหรือรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เลยทีเดียว
ที่มา
:
MMThailand
วันที่
20 มีนาคม 2567