สงครามชิปเริ่มหนักข้อขึ้น!
หลัง สหรัฐฯ กดดัน ASML ผู้ผลิตเครื่องทำชิป
เลิกซ่อมเครื่องที่ขายให้จีน ขณะที่ TSMC ผู้ผลิตชิปจากไต้หวันที่ล้ำหน้าอันดับต้น
ๆ ของโลก คว้าดีลเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯในการตั้งโรงงานในรัฐแอริโซนาได้
สงครามชิปเริ่มหนักข้อขึ้น!
สหรัฐฯ กดดัน ASML ผู้ผลิตเครื่องทำเซมิคอนดักเตอร์
ที่นำมาผลิตเป็นชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติดัตช์
ที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้หยุดซ่อมเครื่องผลิตชิปที่ขายให้จีน
เพื่อยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและกีดกันการค้าจีนไม่ให้เทียบเท่ากับสหรัฐฯ
เครื่องทำเซมิคอนดักเตอร์ของ
ASMLนับเป็นเครื่องที่มีเพียงไม่กี่บริษัทบนโลกนี้ทำ
เพราะความละเอียดและความเชี่ยวชาญของบริษัทเป็นผลมาจาก สหรัฐฯ
หยุดการสร้างในประเทศและเปลี่ยนเป็นผู้ออกแบบแล้วส่งให้เอ้าท์ซอร์สในประเทศอื่นทำตั้งแต่ช่วงหลายทศวรรษก่อน
ด้วยเหตุผลด้านค่าแรงจากกระแสโลกาภิวัตน์
จนกระทั่งเวลาผ่านไป
ASML
กลายเป็นไม่กี่เจ้าบนโลกที่ทำเครื่องผลิตชิปนี้
ประกอบกับทั่วโลกเริ่มมีองค์ความรู้จากการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนนำไปสู่การพัฒนาได้เองแล้ว
สหรัฐฯ จึงเริ่มตื่นตระหนกและเกิดเป็นสงครามชิปในครั้งนี้
ขณะที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เองก็พยายามที่จะกดดันทางการค้ากับจีน
เนื่องจากจีนมองว่าตนเองไม่ใช่คู่ขัดแย้งของรัสเซียในสงครามยูเครน
จึงไม่ได้ดำเนินมาตรการกดดันทางกการค้าต่อรัสเซีย
ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาติยุโรปให้ความสำคัญ
จีน
ประเทศที่เคยเป็นเอ้าท์ซอร์สรับประกอบอย่างเดียวเพราะค่าแรงถูก
วันนี้กลายเป็นคู่แข่งรายใหญ่เพราะนอกจจากจะมี Huawei ที่คอยพัฒนาชิปเองตามสหรัฐฯ มาติด ๆ ผ่านการหนุนหลังของรัฐบาล
แล้วจีนเองยังใช้เทคโนโลยีที่สหรัฐฯภาคภูมิใจและขายให้จีนมาพัฒนาประเทศอีก เช่น
ใช้อุปกรณ์ประมวลผล อย่าง การ์ดจอ NVDIA หรือ
ชิปคอมพิวเอตร์แรง ๆ ของ Intel ในการผลิตระบบปัญญาประดิษฐ์ล้ำยุค
หรือ ขีปนาวุธทางการทหาร
ขณะเดียวกัน
ไต้หวัน ผู้เดินเกมใช้ชิปเป็นตัวประกันก็ไม่เบา เมื่อ TSMC
บริษัทผู้ผลิตชิป อันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีรัฐบาลไต้หวันหนุนหลัง
ก็ใช้ความสามารถของตนเองที่ผลิตชิปที่คนทั่วโลกต้องการเป็นตัวประกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลจีนและไต้หวัน
ข้ามขั้นไป
นอกจากนี้
TSMC
เอง ยังเพิ่งคว้าดีลเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 6,600
ล้านเหรียญ ในการตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในดินแดนสหรัฐฯ ที่
รัฐแอริโซนา
การเดินเกมเช่นนี้ของสหรัฐฯ
เพื่อดึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชิป ทั้งการออกแบบของนักวิจัย NVDIA
และ Intel , การผลิต ที่เคยจ้าง TSMC ในไต้หวันผลิต กลับมาอยู่ในแผ่นดินของตนเหมือนกับช่วงที่ตนเองคิดค้น
เซมิคอนดักเตอร์ และสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศได้อย่างก้าวกระโดด
สงครามชิปในครั้งนี้
เราจะได้เห็นการกีดกันทางการค้ามากขึ้น นับตั้งแต่วันที่สหรัฐฯ แบน Huawei
และทำให้บริษัทต่าง ๆ อย่าง Google ต้องถอน Play
Store ออกจากมือถือของ Huawei และสิ่งหนึ่งที่จะสร้างผลกระทบกับคนไทยแน่
ๆ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะยังขาดตลาดต่อไปอีกระยะหนึ่งและยังมีราคาสูงกว่าปกติ
เมื่อเทียบกับช่วงก่อน โควิด-19
ที่มา
:
Springnews
วันที่
10 เมษายน 2567