แม้ว่า
“AI”
จะเป็นนวัตกรรมที่หลายคนมองว่าอาจเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์
แต่แท้จริงแล้วหากองค์กรลงทุนให้พนักงานใช้ AI เพื่อทำงานได้ดีขึ้นแทนที่จะเอา
AI มาทำงานแทนคน
ก็อาจช่วยให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนเสี่ยงตกงานน้อยลงได้
พาดหัวบทความนี้ไม่ได้ต้องการทำให้ใครตื่นตระหนก
แต่ต้องการให้ตระหนักถึงเทคโนโลยีที่กำลังล้ำหน้าขึ้นในทุกขณะ เพราะ AI
พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่ในเวลาที่เราหลับอยู่
จนหลายคนกังวลว่า AI จะมาแย่งงานมนุษย์ ในขณะที่คนใช้ AI
เป็นจะเข้าใจบริบทถึงจุดอ่อนและจุดแข็งต่างๆ ของ AI ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะบอกว่า อย่ากลัว AI ไปเลย เพราะ AI
จะเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เราทำงานได้อย่างสะดวกและง่ายดายขึ้น
แต่คำปลอบประโลมนี้จะเป็นจริงต่อเมื่อเราพัฒนาตัวเองให้ไม่ด้อยไปกว่า AI
เมื่อเร็วๆ
นี้สื่อต่างประเทศรายงานความเห็นของ “อีลอน มัสก์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tesla
ที่ประเมินว่า AI กำลังฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ
และตัวเขาค่อนข้างมั่นใจว่า AI จะฉลาดกว่ามนุษย์คนหนึ่งในปีหน้า
ที่สำคัญภายในปี 2572 AI จะฉลาดกว่ามนุษย์ทุกคนรวมกัน
ก่อนหน้านี้ มัสก์ เคยบอกกับ “ริชี ซูนัก” นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า เทคโนโลยี AI
จะเป็นสิ่งที่มา Disrupt อย่างฉับพลันมากสุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
โลกกำลังจะมีบางอย่างที่ฉลาดกว่ามนุษย์ซึ่งฉลาดที่สุด ความเห็นของ มัสก์
น่าจะทำให้ใครหลายคนเริ่มตื่นตัวกับเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถาบันวิจัยนโยบายสาธารณะ(IPPR) ของอังกฤษออกรายงานเตือนถึงความเสี่ยงจาก
AI ที่รัฐบาลอังกฤษให้การสนับสนุนโดยเน้นลงทุนเพื่อแก้ปัญหาการผลิต
ซึ่ง IPPR บอกว่า
นโยบายนี้อาจทำให้คนอังกฤษมีความเสี่ยงที่จะตกงานมากถึง 8 ล้านคน
โดยรายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า ปัจจุบัน AI ส่งผลกระทบต่องานของแรงงานในอังกฤษถึง
11% และอาจเพิ่มสูงเกือบ 60% ถ้าบริษัทต่างๆ
ผนวกรวมเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โดยงานระดับเริ่มต้นและระบบหลังบ้าน เช่น งานบริการลูกค้า มีความเสี่ยงมากที่สุด
ผลการศึกษาดังกล่าวสะท้อนชัดว่า
Generative
AI ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อาจส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน
หรืออาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของคนนับล้าน
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างให้ความเห็นว่า การหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าว จำเป็นที่บริษัทต่างๆ
ต้องอัปสกิลการใช้ AI ให้กับพนักงานของตัวเองด้วย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีซักกี่บริษัทที่ยอมทุ่มงบประมาณเพื่อฝึกฝนพนักงานในการสู้กับ AI โดยผลสำรวจผู้บริหารในสหรัฐพบว่า มีเพียง 38% เท่านั้น ที่จัดฝึกอบรมเพื่อช่วยให้พนักงานมีความรู้เรื่อง AI แม้หลายๆ บริษัทจะรู้ดีว่า AI มีความสำคัญในการทำงาน และการลงทุนใน AI นับเป็นเรื่องสำคัญ แต่ซีอีโอที่ตอบแบบสอบถามมากกว่า 50% ยอมรับว่า เขาจ่ายเงินให้กับการซื้อเทคโนโลยีมาใช้มากกว่าที่จะจ่ายเพื่อฝึกอบรมพนักงาน ดังนั้นพนักงานที่จะอยู่รอดได้ควรต้องขวนขวายหาความรู้เสริมทักษะทางด้าน AI ให้ตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคต AI จะฉลาดล้ำลึกแค่ไหน จะมาแย่งงานเราจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่เราต้องทำเพื่อเอาชนะ คือ การไม่หยุดพัฒนาตัวเอง!
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 7 พฤษภาคม 2567