'AIS'
ประกาศสิ้นปีหวังกวาดลูกค้า 5G ทะลุ 15
ล้านราย ครองผู้นำตลาดต่อเนื่อง ระบุกำลังซื้อส่งสัญญาณบวก
ย้ำขั้วอำนาจทางการเมืองไม่มีผลต่อธุรกิจ ส่วนประเด็น '3BB'
แม้ 'ก้าวไกล' เคยออกโรงค้าน
มั่นใจเป็นครรลองที่ถูกต้องของธุรกิจไม่กลัวถูกตรวจสอบ
ภาคธุรกิจมองภาพรวมเศรษฐกิจ
กำลังซื้อ หลังการเลือกตั้งส่งสัญญาณที่ดี ท่ามกลางความความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
‘เอไอเอส’ บิ๊กคอร์ปชั้นนำ ย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ไม่มีผลต่อบริษัทและการให้บริการต่อลูกค้า
นายปรัธนา
ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
(เอไอเอส) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง
มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งรายได้หลักฟื้นอย่างเต็มตัว
ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศมีสัญญาณบวก ดังนั้น เอไอเอส จึงมองว่าในช่วงที่เหลือของปีจะเป็นโอกาสที่ดีในการดำเนินธุรกิจของเอกชน
หลังเลือกตั้ง
ส่งสัญญาณบวกธุรกิจ
สำหรับประเด็นการเมือง
หลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้วเสร็จไปเมื่อวันช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนตัวมองว่าก็ส่งสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี
ในประเด็นเรื่องการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองจากสู่พรรคก้าวไกล เอไอเอส
ขอยืนยันว่า ไม่มีความผูกพันกับขั้วอำนาจใดๆ แม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
โดยส่วนตัว เอไอเอส มองว่า ไม่ได้มีผลต่อบริษัท และการให้บริการต่อลูกค้า
สิ่งที่เอไอเอสให้ความสำคัญคือ สินค้าและบริการเท่านั้น
ส่วนประเด็นการลดลงของราคาหุ้น
ที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอไอเอสนั้น คิดว่า
บรรยากาศในตลาดหุ้นเป็นความผันผวนในเชิงการตื่นตกใจ
แม้เอไอเอสจะไม่เข้าใจเรื่องการเมืองกับตลาดทุนลึกซึ้ง แต่ขอชี้แจงตามตรงว่า
สิ่งที่เอไอเอสโฟกัส คือ
การให้บริการพื้นฐานที่องค์กรให้บริการลูกค้าจะตอบโจทย์ได้หรือไม่
ในสภาวะเซนทิเมนต์ของตลาดทุนที่มีปัจจัยอื่นๆ
มากมายมากระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะสั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
“พื้นฐานการให้บริการลูกค้า
หากเอไอเอสให้บริการไม่ดี ลูกค้าจะไม่เลือกใช้เครือข่ายของเรา
และไม่สนด้วยซ้ำว่าที่เคยใช้มาแล้วแฮปปี้หรือไม่ ดังนั้น
สิ่งที่จะทำให้เอไอเอสให้บริการต่อเนื่องได้ดีคือ
คุณภาพการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง” นายปรัธนา กล่าว
ย้ำเทคโอเวอร์
“3บีบี” ทำถูกต้อง
นายปรัธนา
กล่าวว่า เรื่องการเดินหน้าเข้าซื้อกิจการธุรกิจระหว่าง เอไอเอส และบริษัท จัสมิน
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการเน็ตบ้านทรีบรอดแบนด์ (3บีบี)
ที่ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกล ก่อนได้คะแนนเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ได้ต่อต้านการควบรวมธุรกิจ จะส่งผลกระทบต่อการควบรวมหรือไม่นั้น
ส่วนตัวไม่คิดว่าจะเป็นผลกระทบ
แต่คิดว่าเป็นตามครรลองปกติของการดำเนินธุรกิจที่จะต้องเดินหน้าต่อได้
ถ้าไม่ดีหรือไม่สมเหตุสมผล และมีคนคัดค้านอาจเกิดขึ้นได้
ดังนั้น
มองว่าไม่เกี่ยวกับขั้วอำนาจ แต่เกี่ยวกับว่าเมื่อดำเนินธุรกิจแล้วถูกต้อง
และเดินไปข้างหน้าได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งไม่กังวลใจในเรื่องนี้
ขณะที่การควบรวมระหว่างบริษัท
ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ขณะเดียวกันด้านการตลาดเมื่อควบรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทค
ทำให้เหลือผู้แข่งขันการตลาด 2 รายรวมเอไอเอส
แต่ในแง่การแข่งขันยังมีการแข่งขันดุเดือด
"วันนี้ยังคงเห็นเรื่องการพยายามออกโปรโมชัน
หรือแพ็กเกจให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกราย ขณะที่การทำราคากับโปรโมชันต่างๆ
จะคำนึงถึงคุณภาพ และความแตกต่างของโปรดักต์เป็นตัวตั้ง คือ
1.สินค้าและบริการตอบโจทย์ลูกค้าหรือไม่ ลูกค้ามีกำลังจ่าย
รวมถึงต้นทุนของธุรกิจเพียงพอหรือไม่ ตัวตั้งที่
2.เกิดจากการแข่งขันรอบข้างว่าสินค้า และบริการตัวนี้มีการแข่งขัน
มีการตัดราคาที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างโปรโมชันหรือไม่"
กวาดลูกค้า5จี12ล้านรายสิ้นปี
นายปรัธนา
กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเอไอเอสมีเครือข่าย 5จี ครอบคลุมแล้ว 87% ต่อจำนวนประชากร
มียอดผู้ใช้งาน 5จี ในฐานจำนวน 7.2 ล้านราย สำหรับสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าว่าลูกค้า 5จี
จะได้ 12 ล้านราย
ซึ่งปัจจัยหลักจะมาจากปัญหาชิปขาดแคลนสำหรับสมาร์ทโฟนเริ่มปรับตัวดีขึ้น
ทำให้มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เป็น 5จี เข้าสู่ตลาด 11-12 ล้านเครื่อง
และมากกว่าครึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5จีทั้งหมด
โดยหากเอไอเอสมีฐานลูกค้า 5จี ได้จำนวน 15 ล้านรายจากจำนวนลูกค้ารวมทั้งหมด 46 ล้านราย ก็จะทำให้เอไอเอสยังครองผู้นำระบบ 5จีมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ต แชร์) เป็นอันดับหนึ่ง
ล่าสุด
เอไอเอส ย้ำความเป็นผู้นำความบันเทิงด้วยสุดยอดคอนเทนต์ระดับโลกบน "เอไอเอส
เพลย์" พร้อมชวนลูกค้าและคนไทยต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กับสุดยอดพาร์ทเนอร์คอนเทนต์ระดับโลกอย่าง
HBO
ที่เข้ามาร่วมเสริมทัพคอนเทนต์ให้ลูกค้า และคนไทยได้รับชม
ทั้งซีรีส์ที่ได้รับรางวัล และภาพยนตร์ชั้นนำจากทั่วโลก
ลูกค้าสามารถสตรีมพร้อมกันบนแพลตฟอร์ม
HBO
GO และ 5 ช่องพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น HBO, HBO Signature, HBO
HITS, HBO Family และ Cinemax ผ่าน AIS
PLAY นอกจากนี้ยังจัดแพ็กเกจเอ็กซ์คลูซีฟ
สำหรับลูกค้าเอไอเอสทั้งมือถือและเน็ตบ้าน เพียง 99 บาท และ 999 บาทต่อปี
ตอกย้ำผู้นำสตรีมมิ่งคอนเทนต์
ทั้งนี้ การผนึกพันธมิตรอย่าง HBO GO ที่ถือเป็นแหล่งรวมคอนเทนต์ระดับโลกแบบออนดีมานด์ รวมถึงซีรีส์ที่ได้รับรางวัลและภาพยนตร์ใหม่ที่โดดเด่น ทั้งภาพยนตร์ฮอลลีวูดบล็อกบัสเตอร์ จากวอร์เนอร์ บราเธอร์ส สตูดิโอ, DC และภาพยนตร์อื่นๆ อีกมากมายจากสตูดิโอชั้นนำทั่วโลกที่สามารถสตรีมได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นยุทธศาสตร์ของเอไอเอสในการสร้างความแตกต่างในการให้บริการแก่ลูกค้า ในการเติมเต็มความหลากหลายของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มเอไอเอส เพลย์ ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานราว 8 ล้านรายต่อเดือน มียอดรับชม 1,000 ล้านครั้ง และมียอดสตรีมมิ่งสูงสุด 1.1 ล้านรายต่อวัน
ส่วนเอไอเอส เพลย์ บ็อกซ์ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานราว 1 ล้านราย ดังนั้น การนำเอาคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกให้ลูกค้าได้รับชมกันแบบจัดเต็ม มากที่สุด ครบที่สุด และราคาคุ้มค่า บนโครงข่ายที่ดีที่สุด เป็นการตอกย้ำการส่งมอบประสบการณ์ให้คนไทย ลูกค้าและสาวก HBO ได้สัมผัสกับความพิเศษในการรับชม และยังเป็นการตอกย้ำเป้าหมายการเชื่อมต่อประสบการณ์ดิจิทัลกับลูกค้าด้วยคอนเทนต์ระดับโลกทั้ง หนัง ซีรีส์ กีฬา คอนเสิร์ต วาไรตี้ สารคดี เกมโชว์ และอีกมากมายการทำงานในฐานะผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง เซอร์วิส โพรวายเดอร์
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 18 พฤษภาคม 2566