เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
NVIDIA
ขึ้นแท่นกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกสูงถึง 3.335 ล้านล้านดอลลาร์ จากสตาร์ตอัปที่ก่อตั้งในปี 2563 ที่ร้านอาหารในซิลิคอนวัลเลย์
เริ่มต้นด้วยการพัฒนาชิปกราฟฟิกสำหรับเกม
และเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม
ปัจจุบัน
NVIDIA
กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง
สามารถแซง Microsoft ขึ้นสู่บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก
ความต้องการชิป
AI
ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้เล่นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่AI กลายเป็นปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้สำหรับเทคคอมพานี
การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของ
NVIDIA
ต้องเจอกับความท้าทายแทบจะตลอดเวลา
โดยเฉพาะกับยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตลาดมาก่อนอย่าง Intel และ AMD
ซึ่งมีทั้งประสบการณ์และทรัพยากรที่มากกว่า
นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งใหม่ๆ เช่น Google และ Apple ที่พยายามพัฒนาโซลูชั่นฮาร์ดแวร์ AI ของตนเอง
แต่ไม่ว่าการแข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน
NVIDIA
ก็ยังเติบโตได้ด้วยการโฟกัสที่การสร้างพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการแสวงหาพันธมิตรรายใหม่ๆ
และมุ่งเน้นที่จุดแข็งคือการประมวลผลประสิทธิภาพสูง
เคล็ดลับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ
NVIDIA
อยู่ที่สามกลยุทธ์หลัก : การพัฒนานวัตกรรม
การเข้าซื้อที่สอดคล้องกับทิศทางของตลาด
และวิสัยทัศน์ในการมองหาโอกาสใหม่ทางการตลาด
นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของ
NVIDIA
บริษัทเป็นผู้นำในการพัฒนา GPU โดยเปลี่ยนจากอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมไปเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการพัฒนา
AI
นอกจากนั้นการเข้าซื้อกิจการมาต่อยอดเชิงเทคโนโลยีก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
การเข้าซื้อ Mellanox Technologies ในปี 2562 ด้วยมูลค่า 6.9 พันล้านดอลลาร์
ได้เข้ามาเพิ่มศักยภาพการด้านการประมวลผลและดาต้าเซ็นเตอร์
และยังมีการเข้าซื้อกิจการอื่นที่น่าสนใจ
เช่น
ปีนี้ได้ซื้อกิจการของสตาร์ตอัปด้าน AI อย่าง
Run ด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์
ซึ่งได้เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NVIDIA ในด้าน AI
และ Machine Learning
การลงทุนในวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องช่วยให้
NVIDIA
สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ล้ำหน้า
และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
การสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยชั้นนำทั่วโลกก็ยังช่วยให้
NVIDIA
สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของ
NVIDIA
จากสตาร์ตอัปสู่บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับองค์กร
ที่ต้องการประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน
การกระตุ้นวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้พนักงานเห็นความสำคัญ
และได้รับผลตอบแทนจากการสร้างนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จะทำให้องค์กรเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
มากกว่าการประเมินผลงานผู้บริหารเพียงแค่การบรรลุยอดขายหรือผลกำไรในระยะสั้น
การวางแผนเรื่องการซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์
ควรอยู่ในแผนงานประจำปี เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริหารมองหาบริษัทเป้าหมาย
ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการขยายตลาด
การปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและศูนย์วิจัยต่างๆนอกองค์กร
ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงเทคโนโลยีและแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ
สุดท้าย
การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็จะยิ่งช่วย
เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการตอบสนองความต้องการของตลาด
แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จ
ในภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งที่ยากเกินคาดเดา
ที่มา
:
กรุงเทพธุรกิจ
วันที่
26 มิถุนายน 2567