เศรษฐกิจไทยปี
2567 ยังมีความหวังว่า จะฟื้นตัวจากแรงขับเคลื่อนของภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก
และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังจะเป็นปีที่ ‘เอไอ’
และเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเปิดประตูให้กับธุรกิจไทยได้เติบโต
‘วีระ
อารีรัตนศักดิ์’ กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมาร์ เปิดมุมมองว่า
ทศวรรษที่ผ่านมา มีการใช้งาน เอไอ อย่างหลากหลายและเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม Generative
AI ได้ทำให้ เอไอ รุ่นใหม่เป็นที่น่าจับตามอง ซิสโก้
ได้สรุปเทรนด์ธุรกิจและเทคโนโลยีสำคัญที่จะเปิดบทใหม่ให้กับธุรกิจไทย
ควบคู่ไปกับแนวทางการนำเทรนด์มาใช้
เทรนด์แรก
คือ เอไอ จะกลายเป็นเทคโนโลยี “ที่ต้องมี”
แต่หลายองค์กรยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซิสโก้ ประเมินว่า
อุตสาหกรรมเอไอ คาดว่าจะเติบโตจาก 95,600
ล้านดอลลาร์ เป็น 1.8 ล้านล้านภายในปี 2573
โดยจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า แต่หลาย ๆ บริษัท
ยังไม่พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่
ขณะที่
ผลสำรวจ AI
Readiness Index จัดทำโดย ซิสโก้ พบว่า มีเพียง 1 ใน 5 (20%)
องค์กรในไทยเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการปรับใช้ และใช้ประโยชน์จากเอไอ โดย 74%
ยอมรับถึงความกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับผล กระทบต่อธุรกิจหากไม่ปรับตัวในอีก 12
เดือนข้างหน้า
แต่ข่าวดี
คือ ธุรกิจในไทยมองเห็นความเร่งด่วน ในการคว้าโอกาสจากเอไอกันมากขึ้น
ช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา เกือบทั้งหมด (99%) ยอมรับว่า
องค์กรมีความตื่นตัวต่อการใช้เทคโนโลยีเอไอ และองค์กรมากถึง 97%
มีกลยุทธ์เอไอที่แข็งแกร่งอยู่แล้วหรืออยู่ในกระบวนการพัฒนา
อย่างไรก็ดี
ยังพบช่องว่างสำคัญในเสาหลักต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล การกำกับดูแล
บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร เช่น การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของพวกเขาพร้อมสำหรับเอไอ
รวมถึงการสร้างบุคลากรด้านเอไอ ที่มีคุณภาพ, แผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง
ฯลฯ ในปี 2567 บริษัทไทยจะต้องต่อสู้กับวิธีจัดการกับเอไอ ภายในองค์กร
รวมถึงบุคลากรที่พร้อมใช้งานเทคโนโลยีนั้นด้วย
‘เอไอ’
ทำงานอย่างมีจริยธรรม
เทรนด์ที่สอง
เอไอ ที่มีความรับผิดชอบจะเริ่มด้วยการทำงานอย่างมีจริยธรรม สนับสนุนด้วยความไว้ใจ
และความโปร่งใส แม้ว่าเอไอ จะมีประโยชน์มหาศาล
แต่ยังคงเป็นดาบสองคมที่มาพร้อมความเสี่ยง
องค์กรจำเป็นต้องมีนโยบายและโปรโตคอลที่รัดกุม เพื่อการจัดการข้อมูลและระบบเอไอ
อย่างมีความรับผิดชอบ
ขณะที่
องค์กรไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เอไออย่างมีจริยธรรม
แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น
เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลโดยผลสำรวจเผยว่า น้อยกว่าครึ่ง
(43%)มีนโยบายและโปรโตคอลเอไอที่ครอบคลุม และ 17% ขององค์กรยังมี bias
โดยไม่มีกลไกอย่างเป็นระบบในการตรวจจับ data bias
เมื่อผลกระทบของเอไอ
แพร่หลายมากขึ้น การกำกับดูแลยิ่งต้องพัฒนาต่อไป ทำให้บริษัทต่างๆ
จำเป็นต้องพัฒนากฎระเบียบ ปรับใช้นโยบายภายในที่แก้ไขเรื่องความเป็นส่วนตัว
ความปลอดภัยข้อมูล และการใช้เทคโนโลยีเอไอ
รวมถึงการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง สามารถจัดการช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นจากระบบเอไอ
รวมถึงฝึกอบรม
และยกระดับทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่า
พนักงานยังสามารถรับมือกับความเสี่ยง บริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันเอไอ
จะต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว
และสร้างความไว้วางใจโดยกระบวนการออกแบบนวัตกรรมที่ครบวงจรในผลิตภัณฑ์ บริการ
และการดำเนินงานขององค์กร
โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายจะง่ายขึ้น
เทรนด์ที่สาม
ยุคใหม่โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ใช้งานง่ายจะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัย
ความอัจฉริยะให้ธุรกิจ ขณะที่บริษัทต่างๆ หันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเอไอ
เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยิ่งมีความสำคัญอย่างคาดไม่ถึง
การสร้างเครือข่ายอัจฉริยะ ที่ทันสมัยจะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของบริษัท
ความยืดหยุ่นและการบูรณาการเครือข่ายกับเอไอ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ
อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความสำเร็จ
นอกจากนี้บริษัทต่างๆ
จะตระหนักถึงความจำเป็นของแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจร ที่สามารถมองเห็นแบบ end-to-end
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความท้าทายด้าน “ไซเบอร์ซิเคียวริตี้”
มีความซับซ้อนขึ้นในยุคของแอปพลิเคชันและมัลติคลาวด์
และพนักงานทำงานจากสถานที่ต่างๆ ได้โดยใช้การเชื่อมต่อหลายรูปแบบ
เข้าถึงข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เครือข่ายจะมีบทบาทสำคัญในการให้ visibility ของผู้ใช้ อุปกรณ์ และเอนทิตีในระบบทั้งหมด
ส่งผลให้สามารถเป็นจุดควบคุมเพียงจุดเดียวในการตรวจจับ ป้องกัน และแก้ไขภัยคุกคาม
รวมถึงบังคับใช้กฎความปลอดภัยเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของภัยคุกคามในเครือข่ายและลดเวลาการแยกภัยคุกคาม
สู้วิกฤติการณ์โลกร้อน
เทรนด์ที่สี่
ปี2567 จะเป็นปีแห่งการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
เนื่องจากปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจำกัดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ เมื่อใกล้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญนี้
บทบาทของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะยิ่งชัดเจนในการสร้างระบบวัดผลความก้าวหน้าที่แม่นยำและสม่ำเสมอ
ทั้งภายในประเทศ ภายในกลุ่มอุตสาหกรรม และระดับโลก
แรงกดดันต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการจะยิ่งทวีความสำคัญ
หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนแผนสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
บริษัทต่างๆ จะเผชิญแรงกดดันในการพัฒนาความยั่งยืน
โดยเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการจัดหาข้อมูลเชิงลึกให้กับองค์กรเพื่อให้มีการวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแม่นยำ
รวมถึงการวางแผนสร้างอาคารและพื้นที่ทำงานอัจฉริยะ
ผู้ให้บริการ
ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อเป้าหมายความยั่งยืนจะเร่งพัฒนาความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ลดการใช้พลังงานไปพร้อมกัน
เปิดโอกาส
“คน” พัฒนาทักษะ
เทรนด์ที่ห้า
บุคลากรและการเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลง
จะเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น
บริษัทไทยที่กำลังมุ่งสู่ยุคดิจิทัล จำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรให้ทันกับการเติบโต
"แม้ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในไทยจะเฟื่องฟู
แต่ยังคงขาดแคลนบุคลากรเทคโนโลยี ทักษะเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ เช่น
ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ดาต้าไซน์ และเครือข่าย เป็นที่ต้องการอย่างมาก
เป็นโอกาสให้บริษัทต่างๆ ผลักดันการพัฒนาบุคลากรเทคโนโลยีให้พร้อมก้าวสู่โลกอนาคต"
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 มกราคม 2567