สวทช.สำรวจความต้องการและผลิตบุคลากรเพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจ
AI
ปี 2563-2567 พบว่าความต้องการกำลังคนด้าน Software &
Data Analytic 38,465 คน ขณะที่ปัจจุบันผลิตได้ 15,671 คน
จึงต้องมีแผนพัฒนากำลังคนด้านAI เพื่อป้อนภาคธุรกิจและภาครัฐให้ได้
30,000 คน ภายในปี 2570
“สถาบันอุดมศึกษา”
จึงต้องตื่นตัวปรับหรือเพิ่มหลักสูตร การเรียนการสอน เติมทักษะใหม่ๆ
ให้แก่นิสิตนักศึกษา เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในโลกของการทำงาน
และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ
“บวรศักดิ์
สกุลเกื้อกูลสุข” รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม
(ฟีโบ้)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่าAI
มีส่วนประกอบแรกที่เห็นชัดๆ จะเป็นซอฟต์แวร์ ระบบต่างๆ
ในชีวิตประจำวันและทุกคนก็ใช้งานอยู่ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว
เพราะส่วนนี้จะอยู่ในรูปแบบบริการ อาทิ ธนาคาร
หรือผู้ประกอบการที่มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการขึ้นใหม่ โดยนำ AI มาใช้เพื่อให้การบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนอีกมุมจะเป็น
AI
ที่ทำงานร่วมกับระบบฮาร์ดแวร์
ส่วนนี้จะเห็นในรูปแบบของหุ่นยนต์บริการ หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร และ AI อีกส่วนจะใช้ในโรงงาน หรืออุตสาหกรรมการผลิต
ซึ่งถ้าเป็นโรงงานขนาดใหญ่จะมีระบบ AI ในเทคโนโลยีการผลิต
แต่ส่วนนี้ ประเทศไทยหลายๆ โรงงานยังไม่ถึง 3.0
ทำให้มีช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยีค่อนข้างมาก
"ข้อมูล คือน้ำมันของ AI การจะทำให้ AI มีประสิทธิภาพสูง ต้องมีข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจการทำงานในระบบที่มีอยู่ ในไทย AI เป็นโจทย์ที่เป็นกับดักของประเทศ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอง AI กับแรงงาน เป็น 2 ส่วน คือ แรงงานที่ใช้ AI เป็น และแรงงานที่สร้าง AI ได้ เท่าที่เห็นในตอนนี้ การสนับสนุนของภาครัฐ สถาบันการศึกษาจะพัฒนาคน Upskills/Reskills ให้ AI ได้เป็น แต่ไม่ได้สร้าง AI และหลายคนใช้ ChatGPT เพื่อโต้ตอบกับระบบเท่านั้นไม่ได้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และในแง่การใช้งานหากไม่ใช่แรงงานสายเทคโนโลยี สายวิศวกรรม สายอาชีพอื่นก็ไม่ได้ใช้ ”บวรศักดิ์ กล่าว
“บวรศักดิ์”
กล่าวต่อไปว่า การสื่อสารกับAI มีสิ่งสำคัญ 2
อย่าง คือ การตั้งคำถามให้เป็น และการค้นหา-ตรวจคำตอบให้ถูกต้อง ซึ่ง AI เป็น Soft Skill ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้งาน
เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเข้าถึง AI ได้โดยไม่มีอะไรขวางกั้น
เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก การเรียนการสอน ฉะนั้น
การพัฒนาคนรุ่นใหม่ต้องให้อยู่ร่วมและทำงานกับ AI ได้
ต้องทำให้นักศึกษาตั้งคำถามเป็น เรียนรู้ค้นหา ตรวจสอบคำตอบด้วยตนเอง
“ฟีโป้จะสอนให้นักศึกษาเรียนรู้วิธีการเรียนรู้
นั้นคือ เขาต้องสร้าง AI หุ่นยนต์
แบบเรียนรู้ด้วยตนเอง เพราะเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว
และองค์ความรู้เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย การสอนให้ทุกคนเข้าใจ และสร้าง AIได้เป็นสิ่งจำเป็น ต้องให้รู้จักตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ และตรวจสอบคำตอบได้
พวกเขาจะได้เรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆ ดังนั้น ต่อให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา
พวกเขาก็พร้อมจะปรับตัว และต่อยอดเกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ”บวรศักดิ์ กล่าว
“บวรศักดิ์”
กล่าวอีกว่าสิ่งที่ควรสอนเด็กรุ่นใหม่ คือ การใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ควรวิ่งไล่ตามเทคโนโลยี
และควรสอนให้นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา
นิสิตนักศึกษามีทักษะในการตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ รู้จักพัฒนาวิธีการ เข้าใจ
ทักษะในการใช้ และอยู่กับAIให้ได้ ขณะที่ ภาครัฐอย่าเพียง Upskills-Reskills
เท่านั้น แต่ควรมีแผนระยะยาว และทุกภาคส่วนควรหารือร่วมกัน โฟกัส
เชื่อมกันตามสายอาชีพ
ด้าน
“ดร.ภูมิ คงห้วยรอบ” หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)
กล่าวว่า AI เข้ามามีบทบาทมากในไทย
หลายบริษัทมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ มีการนำหุ่นยนต์
และระบบต่างๆ เข้ามาปรับใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น
อย่าง ธุรกิจ Health care มีหุ่นยนต์มาช่วยดูแลผู้สูงอายุ
เป็นต้น เมื่อใช้งาน AI มากขึ้น แล้วคนไม่ปรับตัวอยู่ร่วมกับ
AI เป็นไปได้ที่บางอาชีพ AIจะมาแทนในตำแหน่งงาน
แต่หากคนปรับตัวเร็ว เข้าถึงเครื่องมือได้ดี ใช้งาน AI และรู้จักสร้างต่อยอดจากเทคโนโลยีที่ใช้
พวกเขาจะเป็นตัวเลือก และที่ต้องการของตลาดแรงงาน
“ตอนนี้ AI เข้ามาทุกอาชีพ ล่าสุด มีติวเตอร์ พูดโต้ตอบได้ แปลภาษาได้ หรือ คนที่ทำกราฟิก Artwork ถ้าไม่ปรับตัว AI จะมาแทนที่ได้หมด เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป การผลิต พัฒนาคนในระบบการศึกษาก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม หลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ลาดกระบัง เน้นการเรียนรู้เพื่อการสร้าง และการใช้งานหุ่นยนต์ ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของซอฟต์แวร์อย่างเดียว แต่ต้องเรียนรู้ฮาร์ดแวร์ เขียนโปรแกรม AI ต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ และนำไปสู่การใช้เครื่องมือ ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น"ดร.ภูมิ กล่าว