Generative
AI เครื่องมือทรงพลังช่วยยกระดับงานนักพัฒนาซอฟต์แวร์
ความสามารถมากกว่าการสร้างโค้ด แต่ยังอยู่ในช่วงพัฒนา
เมื่อใช้งานจริงทีมวิศวกรต้องระมัดระวัง
Thoughtworks
บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นนำ เผยแพร่รายงาน Technology
Radar ล่าสุด พบว่า Generative artificial intelligence
(GenAI) ส่งผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อกระบวนการส่งมอบซอฟต์แวร์
โดยเครื่องมือ
AI
ระลอกใหม่มีศักยภาพในการช่วยทีมวิศวกรเพิ่มประสิทธิภาพ
เสริมขีดความสามารถและปรับปรุงผลลัพธ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์
เครื่องมือเหล่านี้มีความสามารถมากกว่าการสร้างโค้ด
(Code
Generation) เพราะเข้าไปช่วยในส่วนอื่นๆ
ของวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วย ซึ่งรวมถึงการทดสอบ การสร้างเอกสารการออกแบบ
หรือแม้กระทั่งการจัดองค์ประกอบและโครงสร้างภายในของซอฟต์แวร์ใหม่ (Refactoring)
อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ขีดความสามารถนี้ยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา
ซึ่งทีมวิศวกรควรตื่นตัวและระมัดระวังในการพิจารณาว่าจะนำเครื่องมือที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ไปใช้ในการทำงานจริงได้อย่างไร
Rachel
Laycock ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีของ Thoughtworks กล่าวว่า เครื่องมือ GenAI มีความสามารถในการช่วยทีมวิศวกรซอฟต์แวร์ได้หลากหลายด้าน
โดยเป็นมากกว่าตัวช่วยเขียนโปรแกรม
และใช้แก้ปัญหาเชิงเทคนิคได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าจำเป็นต้องบริหารจัดการความเสี่ยงในการนำไปใช้อย่างเหมาะสมก็ตาม ดังนั้น
บรรดาผู้บริหารจึงควรมองหาและลงทุนในเทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ช่วยยกระดับงานทีมพัฒนาซอฟต์แวร์
ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มี
AI
เป็นตัวช่วย: เครื่องมือต่างๆ เช่น GitHub Copilot,
CodiumAI, aider และ Continue
ส่งผลต่อแทบทุกองค์ประกอบในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์
ท่ามกลางความตื่นเต้นต่อศักยภาพของ
GenAI
ทีมวิศวกรควรให้ความสำคัญต่อคุณภาพและความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
ด้วยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ
ที่อาจเกิดขึ้นให้กับกลุ่มผู้ไม่ใช่นักพัฒนา
Open-ish
source licenses: รูปแบบลิขสิทธิ์ใหม่ๆ
ที่เป็นอุปสรรคต่อระบบนิเวศของ Open Source Software;
แนวโน้มหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือการจำกัดการเข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานหรือฟีเจอร์หลักๆ
หากไม่ได้จ่ายเงินซื้อเพิ่ม
นักพัฒนาเทคโนโลยีจึงควรใส่ใจรายละเอียดประเภทลิขสิทธิ์กับระดับการอนุญาตให้ใช้สิทธิของผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่
และสร้างความมั่นใจว่าสิทธิดังกล่าวครอบคลุมไฟล์ทั้งหมดใน Repository
ทำ
Pull
Requests (PRs) ให้ใกล้เคียงกับหลักการ Continuous
Integration (CI):Pull Requests เป็นเสมือนช่องทางการตรวจสอบโค้ดในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์
แม้ว่ากระบวนการนี้มีความสำคัญในบางบริบท
แต่ก็สามารถทำให้โฟกัสของนักพัฒนาถูกขัดขวาง
และชะลอความเร็วในการส่งมอบซอฟต์แวร์ได้ หลาย
แม้ว่าThoughtworks
ยังคงมองว่า Continuous Integration (CI) เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับการจัดการโค้ด
แต่สำหรับองค์กรที่ไม่ได้ใช้แนวทางแบบ CI ควรมองหาแนวทางใหม่ๆ
ในการเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการรวบรวมโค้ด
โดยเฉพาะหากปริมาณโค้ดยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการใช้งานตัวช่วยเขียนโปรแกรม
สถาปัตยกรรม
LLMs
รูปแบบใหม่: รูปแบบ (Patterns) คือสิ่งที่นิยมใช้กันในโลกเทคโนโลยีเพราะรูปแบบช่วยให้คำนิยามที่ดีสำหรับโซลูชันที่ใช้แก้ปัญหาในบริบทที่เฉพาะเจาะจงได้
ท่ามกลางการใช้ LLMs ซึ่งขยายตัวขึ้น
เราเริ่มเห็นรูปแบบสถาปัตยกรรมเฉพาะที่เกิดขึ้นมาเพื่อใช้งานในหลายบริบทร่วมกัน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 เมษายน 2567