นักวิจัยจาก
EPFL
ค้นพบวิธีใหม่ในการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในงานวิศวกรรม Metastructures
ในระดับ Sub-wavelength Scale ซึ่งสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ความเร็วสูงพิเศษยุคต่อไปในการแลกเปลี่ยนข้อมูลปริมาณมหาศาลด้วยแอปพลิเคชัน
6G และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใหม่
หัวใจของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่นั้นอยู่ที่การย่อขนาดทรานซิสเตอร์และส่วนประกอบอื่น
ๆ
แต่ทว่าแนวคิดนี้ก็มาถึงขีดจำกัดเช่นกันเพราะการย่อขนาดนั้นส่งผลต่อความสมดุลที่เกิดขึ้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอันตราย เช่น การลดลงของความต้านทานและกำลังของ Output
เป็นต้น
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นมีการตีพิมพ์งานวิจัยอุปกรณ์ที่เล็กลงมาเรื่อย
ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีของวัสดุที่ผลิตจาก Gallium Nitride
ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแง่ของคลื่นความถี่น้ันถูกตีพิมพ์ขึ้นมาหลายปีก่อนหน้า
หลังจากนั้นไม่พบว่ามีเอกสารใหม่ที่มีการยกระดับประเด็นดังกล่าวขึ้นอย่างชัดเจน
เพราะเมื่อขนาดถูกลดลงกลับต้องเผชิญหน้ากับข้อจำกัดด้านคุณสมบัติพื้นฐานแทน
เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายดังกล่าวนักวิจัยจึงค้นหาวิธีใหม่
ๆ ที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดและเปิดทางสู่อุปกรณ์ระดับ Terahertz ใหม่ แทนที่จะลดขนาดอุปกรณ์ นักวิจัยจึงนำมาจัดเรียงใหม่ด้วยการกัดแพทเทิร์นจุดสัมผัสที่เรียกว่า
Metastructure ที่ระดับความห่าง Sub-wavelength ลงไปในเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างจาก Gallium Nitride โดย
Metastructure จะยอมให้สนามไฟฟ้าภายในอุปกรณ์สามารถควบคุมได้ทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่อาจพบได้ในธรรมชาติอีกด้วย
อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถทำงานได้ที่ความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าในระดับช่วง
Terahertz
(ระหว่าง 0.3 – 30 THz) ซึ่งมีความเร็วแตกต่างจากคลื่น
Gigahertz ที่ใช้กันอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน
ทำให้สามารถรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลซึ่งเหมาะสมกับเทคโนโลยี 6G หรือสิ่งที่ไปไกลเกินกว่านั้นได้
เพราะความถี่ระดับ
Terahertz
นั้นเร็วเกินไปอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันและช้าเกินกว่าการใช้งานแอปพลิเคชันด้าน
Optics ต่าง ๆ สิ่งนี้รู้จักกันในชื่อ Terahertz Gap ด้วยการใช้ Sub-wavelength Metastructure เพื่อ Modulate
คลื่น Terahertz เป็นเทคนิคที่มาจากโลกของ Optics
แต่ด้วยวิธีของ POWERlab จะเพิ่มระดับในการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ได้แตกต่างจากแนวทางของ
Optics ที่ใช้แสงจากภายนอกฉายลงไปยังแพทเทิร์นที่มีอยู่แล้ว
ซึ่งวิธีนี้ความสามารถในการควบคุมคลื่นวิทยุที่ถูกเหนี่ยวนำจะมาจากการผสมผสานของ Sub-wavelength
Patterned Contact บวกกับการควบคุมช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยแรงดันไฟฟ้าที่ใช้
นั่นหมายความว่าจะสามารถเปลี่ยน Collective Effect ภายใน Metadevice
ได้ด้วยการเหนี่ยวนำอิเล็กตรอน
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ล้ำหน้าที่สุดในตลาดสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้สูงสุด
2
THz ในขณะที่ Metadevice จาก POWERlab สามารถใช้งานได้ถึง 20 THz
ที่มา : MMThailand
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566