เมื่อวันที่
29 สิงหาคม รอยเตอร์รายงานว่า
อเมริกาเหนือมีการลงทุนหุ่นยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในครึ่งแรกของปี 2022
แต่ยังประสบปัญหาในการเดินหน้าสายการผลิตและคลังสินค้าเนื่องจากค่าแรงและค่าชดเชยที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากสมาคมเพื่อความก้าวหน้าของออโตเมชั่น
(Association
for Advancing Automation: A3) สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่
2 ปี 2022 อเมริกาเหนือมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น
12,305 เครื่อง เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
ซึ่งเมื่อรวมกับยอดสั่งซื้อในไตรมาสที่ 1 แล้ว
ทำให้ครึ่งแรกของปี 2022 เป็นปีที่อเมริกาเหนือมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยหลายสื่อรายงานเพิ่มเติมว่า
ยอดสั่งซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของอเมริกาเหนือทำลายสถิติต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่
3 แล้ว
นาย
Jeff
Burnstein ประธานสมาคม A3 กล่าวว่า
“เมื่อผู้ผลิตต้องการผลิตสินค้ามากขึ้น
ความต้องการออโตเมชันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
สิ่งที่เป็นแรงจูงใจให้บริษัทมีการลงทุนหุ่นยนต์มากขึ้น
คือ การขาดแคลนแรงงานที่รุนแรง โดยปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีตำแหน่งงานรองรับเกือบ 2 ตำแหน่งต่อผู้ว่างงานหนึ่งคน
ทำให้นายจ้างหลายรายเสนอขึ้นค่าแรงให้กับลูกจ้าง
ส่งผลให้ค่าแรงของสหรัฐอเมริกเพิ่มขึ้น 5.1% ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นการขึ้นค่าแรงที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานเริ่มเก็บสถิติเมื่อปี
2001
อย่างไรก็ตาม
แม้จะมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากขึ้น แต่ผลิตภาพ (Productivity)
ของสหรัฐอเมริกากลับลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บสถิติเมื่อปี
1948
หนึ่งในความเป็นไปได้
คือ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด
เนื่องจากการระบาดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคแรงงาน ไปจนถึงการลาออกครั้งใหญ่ในช่วงวิกฤต
และเป็นไปได้ว่าในช่วงที่แรงงานเริ่มกลับเข้าทำงานใหม่นี่เองที่ทำให้ผลิตภาพลดลง
เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว
แรงงานมักทำงานได้น้อยกว่าปกติในช่วงเปลี่ยนอาชีพหรือสายงาน
นอกจากนี้
อีกความเป็นไปได้หนึ่ง
คือการจ้างงานส่วนมากในช่วงไม่นานมานี้อยู่ในอุตสาหกรรมบริการที่มีการผลิตต่ำกว่า
เช่น ตำแหน่งงานด้านการท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับ และอื่น ๆ
ซึ่งอาจทำให้การลงทุนหุ่นยนต์ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
นาย
Jeff
Burnstein ประธานสมาคม A3 กล่าวเสริมว่า
การติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ๆ จำเป็นต้องใช้เวลาจึงจะแสดงศักยภาพได้สูงสุด
เนื่องจากผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น
อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเข้าสู่ยุครถอีวี โดยสมาคมฯ เปิดเผยว่า เกือบ 60% ของยอดสั่งซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2
มาจากผู้ผลิตยานยนต์
นาย
Mike
Cicco CEO บริษัท FANUC America มีความเห็นใกล้เคียงกัน
ประเมินว่า
ครึ่งหนึ่งของยอดสั่งซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาจากผู้ผลิตยานยนต์ที่กำลังเร่งเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
และแสดงความเห็นว่า แนวโน้มการลงทุนนี้จะยังอยู่ต่อเนื่องไปอีกหลายปี
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่ายอดสั่งซื้อหุ่นยนต์ยังไม่สะท้อนผลลัพธ์ด้านผลิตภาพออกมาให้เห็น
ซึ่งการลงทุนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมพุ่งสูงนี้
เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทที่ต้องการตอบรับความต้องการที่มากขึ้น
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อก็ตาม
ที่มา
:
M Report
วันที่
5 กันยายน 2565