เชื่อหรือไม่ว่างานคัดแยกและหยิบจับชิ้นงานนั้นแม้จะเป็นงานที่เรียบง่ายแต่แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต้องการทักษะและความสามารถอันหลากหลายเพื่อดำเนินการ
ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจับเพื่อโยกย้ายตำแหน่งในขณะเดียวกันก็ต้องหยิบชิ้นงานที่ถูกต้อง
หรืออาจต้องมีการตรวจสอบคุณภาพควบคู่ไปในเวลาเดียวกัน
แน่นอนว่ามนุษย์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้สูงและมีความยืดหยุ่นสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ง่าย
แต่การคัดแยกหยิบจับสินค้าต่อเนื่องทั้งวันก็ไม่อาจรักษาคุณภาพในการทำงานให้สม่ำเสมอได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคัดแยกชิ้นงานที่มีการกำหนดยอดการผลิตที่ชัดเจนอาจกลายเป็นเรื่องที่บั่นทอนคุณภาพของสินค้าได้โดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าการหยิบจับต่าง
ๆ จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่มนุษย์ทำได้และทำได้ค่อนข้างดี แต่การทำกิจกรรมซ้ำ ๆ เดิม
ๆ อย่างต่อเนื่องภายใต้การทำงานของการผลิตแบบอุตสาหกรรม
ปริมาณสินค้าที่แรงงานจะต้องเผชิญใน 1 วันจะทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนล้า
ส่งผลต่อความผิดพลาดและความต่อเนื่องสม่ำเสมอในการทำงานอย่างแน่นอน
ด้วยเงื่อนไขของปริมาณยอดการผลิตที่เป็นตัวกำหนดชี้วัดสำคัญ การทำงานที่เกิดขึ้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายจึงต้องประกอบด้วยปริมาณชิ้นงานที่หยิบจับได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 1 ชั่วโมง รวมกับการตรวจสอบคุณภาพพื้นฐานด้วยสายตาในเวลาหยิบจับ ยกตัวอย่างเช่น การหยิบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แบบคละขนาดและรูปร่าง หากมีการกำหนดว่าแรงงานหนึ่งคนต้องคัดแยกได้ชั่วโมงละ 1,800 ชิ้น หรือตกนาทีละ 30 ชิ้น การทำงานหนึ่งกะหรือหนึ่งวันอาจต้องมีการคัดแยกมากถึง 14,400 ชิ้นต่อวัน ซึ่งการคัดแยกที่เกิดขึ้นก็ต้องมีจังหวะสังเกตชิ้นงานเบื้องต้น เช่น รูปร่าง สี สัญลักษณ์ หรือคุณภาพบางประการในการคัดแยก ซึ่งมนุษย์สามารถทำงานเหล่านี้ได้แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่งานที่เหมาะสมสักเท่าไร เนื่องจากความเหนื่อยล้าและความผิดพลาดจะเพิ่มขึ้นทวีคูณตามเวลาที่ดำเนินการ ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะไปไม่ถึงยอดการผลิตหรือการคัดแยกที่กำหนด อาจจะรวมไปถึงการคัดแยกที่ผิดพลาด ในท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ในการผลิตอาจเหลือแค่ 70% ที่สามารถใช้ได้ในแต่ละวัน
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวให้ถูกต้องและเหมาะสม
การใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติจึงกลายเป็นทางออกที่ผู้ประกอบการต่างใฝ่หามาเป็นเวลานาน
ซึ่งในอดีตก็ยังมีข้อจำกัดด้วยเรื่องของระบบกล้อง แขนกล
ไปจนถึงราคาที่เข้าถึงได้ยาก แต่ด้วยการมาถึงของกล้อง 3 มิติยุคใหม่และเทคโนโลยี AI
ที่เข้าถึงได้มากขึ้น
โอกาสในการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวจึงกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการแข่งขันที่กำลังเกิดขึ้น
ณ เวลาปัจจุบัน
แน่นอนว่าการใช้เทคโนโลยีกล้องเพื่อรับภาพและเป็นตัวกำหนดการทำงานของหุ่นยนต์นั้นมีมานานแล้ว แต่ดั้งเดิมเลยเป็นการใช้งานกล้อง 2 มิติที่สามารถหยิบจับชิ้นงานได้ในระดับหนึ่ง เช่น หัวน็อต เป็นต้น แต่หากชิ้นงานนั้นมีความโปร่งใส มีมิติอื่น ๆ ที่กล้อง 2 มิติไม่อาจเก็บข้อมูลได้ครบ การหยิบจับและตรวจสอบจึงเป็นไปไม่ได้ เช่น การหยิบจับวัสดุทรงลูกบาสก์สีใส หรือการหยิบจับน่องไก่ที่มีผิวมัน
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเทคโนโลยีกล้อง
3
มิติสำหรับ Machine Vision จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลภาพได้ครบมิติมากยิ่งขึ้น
ทลายข้อจำกัดเดิมที่เคยมีมาจากกล้อง 2 มิติ
โดยกลไกสำคัญในการใช้งานอยู่ที่การสร้างฐานข้อมูลให้กับระบบเพื่อทำการจดจำภาพหรือลักษณะอันพึงประสงค์
ความท้าทายสำคัญในการใช้งานจึงตกไปอยู่ที่การฝึกระบบเพื่อสร้างฐานข้อมูลที่ถูกต้อง
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วต้องมีการเรียนรู้ภาพจำนวนมหาศาลเป็นพันเป็นหมื่นหน่วย
ส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ความรวดเร็วในการใช้งาน
และการที่ผู้เชี่ยวชาญต้องระบุรายละเอียดที่สำคัญในแต่ละภาพให้ครบถ้วน การใช้กล้อง
3
มิติที่มาพร้อมกับปัญญาประดิษฐ์โดยสามารถทำงานกับฐานข้อมูลบนเครือข่ายได้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า
เพราะใช้เวลาในการฝึกระบบที่น้อยกว่า มีความแม่นยำสูงกว่า
และใช้งานได้ง่ายยิ่งกว่า
ต้องยอมรับว่าในตลาดวงการอุตสาหกรรมโซลูชันกล้องอัจฉริยะที่ผสานรวมกับระบบอัตโนมัตินั้นมีความยุ่งยากในการบูรณาการ
มีราคาสูง และอาจจะหา SI ที่ทำได้จริงไม่ใช่ราคาคุยได้ยากเสียยิ่งกว่าปัจจัยอื่น
ทำให้ Brainworks Imagineering, ABB Automation, ABIZ Technology และ KMT Technology ร่วมมือกันพัฒนาโซลูชัน Random
Bin Picking ที่สามารถใช้งานได้จริง
และเข้าถึงได้ในแบบที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
ความสำเร็จของ
Random
Bin Picking ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากเทคโนโลยีเพียงหน่วยเดียว
แต่เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีที่โดดเด่นหลากหลายแขนงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 3
มิติอันชาญฉลาด แขนกลเพื่อทำการเคลื่อนย้าย End of Tools ที่ใช้ในการหยิบอย่างเหมาะสม ไปจนถึงตัวแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีในการสื่อสารกับระบบ
ซึ่งการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาทำงานร่วมกันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็สามารถทำได้โดยง่าย
เทคโนโลยีแต่ละตัวที่นำมารวมกันนั้นก็มีความโดดเด่นที่น่าสนใจในตัวเองอย่างชัดเจน
ได้แก่
Cobot
หรือ Collaborative Robots ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
โดย Cobot CRB 15000 ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างใส่ใจจากทาง ABB
Automation ตั้งแต่ในส่วนของการออกแบบรูปทรงหุ่นยนต์
ด้วยรูปร่างที่โค้งมนเพื่อป้องกันการกระแทกที่อาจจะเกิดการบาดเจ็บ
อันตรายต่อมนุษย์ และไม่มีจุดพับหนีบที่อาจจะกดทับหรือบีบรัดชิ้นส่วนร่างกายเอาไว้
ทำให้ Cobot CRB 15000 มีความปลอดภัยสูงในการนำมาใช้งานใกล้ชิดกับมนุษย์
รองรับน้ำหนักที่ใช้งานสูงสุด 5 กิโลกรัม
การออกแบบชุดคำสั่งควบคุมและเคลื่อนไหวแขนกลของหุ่นยนต์ไปมานั้นก็สามารถทำได้ง่าย
ๆ โดยไม่ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการโปรแกรมหุ่นยนต์เฉพาะทาง
แตกต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป สามารถดำเนินการได้ด้วยการกดปุ่มและจับแขนของ Cobot
เพื่อขยับไปมาเท่านั้น
การออกแบบโปรแกรมชุดคำสั่งควบคุมการทำงานและเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์จึงทำได้ง่าย ๆ
โดยไม่ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการโปรแกรมหุ่นยนต์ ใช้เวลาไม่นาน
หมดปัญหาเรื่องความต้องการชุดทักษะระดับสูงที่เคยเป็นกำแพงในการ Transformation
ของหลาย ๆ โรงงาน
การทำงานโดยใช้กล้อง
3 มิติ นั้นเป็นการผสานรวมการมองเห็นของแกน X, Y และ Z
ซึ่งเป็นแกนพิเศษที่แตกต่างจากกล้อง 2 มิติ
เพิ่มความสามารถในการมองมุมที่ลึกขึ้นได้ โดย 3D Vision ‘Mech-Mind’ จาก ABIZ Technology นั้นสามารถทำงานได้อย่างหลากหลายและแม่นยำ
ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแสงภายนอก ไม่ว่าจะมืดหรือสว่าง
หมดปัญหาจากเรื่องแสงสะท้อนและสีของชิ้นงาน
ซึ่งเป็นความสามารถจากการที่ตัวกล้องมาพร้อมกับ AI
Deep Learning ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกกล้องหรือใช้ฐานข้อมูลจำนวนมหาศาล
การเตรียมฐานข้อมูลจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
และใช้จำนวนภาพตัวอย่างเพียงหลักร้อย แตกต่างจาก Machine Learning รูปแบบเดิม ๆ การใช้งานจึงสะดวก รวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยมีมา
สำหรับในส่วนของมือของหุ่นยนต์หรือ End of Arm Tool ที่ใช้จับวัตถุเองก็สามารถทำการออกแบบพิเศษ ปรับแต่งให้เข้ากับชิ้นงานได้หลายรูปทรงและผิวสัมผัสของวัสดุ การหยิบจับที่มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถตั้งค่าให้ Cobot ได้ง่าย ๆ ด้วยความสามารถ Plug and Play สามารถนำวัตถุไปจัดวางเพื่อปรับความเอียงก่อนนำไปวาง (Re-Gripping) หรือส่งต่อได้ การจัดวางวัตถุก็สามารถปรับให้วางเรียงตามพื้นที่ที่ต้องการได้ ทำให้สามารถเข้ากับชิ้นงานได้หลายรูปแบบ, ขนาด และน้ำหนัก มีความหลากหลายและยืดหยุ่นสูง ไม่ว่าจะนำมาทำการคัดแยกชิ้นงาน การใส่แพ็กเกจจิ้งสินค้า หรือแม้แต่การใช้กับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น การใช้งาน Gripper หรือ Suction Head เป็นต้น
ต้องยอมรับว่าการทำงานในยุค
4.0
หรือการผลิตยุคดิจิทัลนั้น ความสามารถในการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรและการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบควบคุมและการสื่อสารมาตรฐานจาก SIEMENS จะช่วยให้โซลูชัน
Random Bin Picking สามารถควบคุมและติดตามการทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่าน
SCADA ด้วย PLC ที่ถูกเลือกมาเฉพาะสำหรับการใช้งานพร้อมกับศักยภาพ
IIoT ที่ทั้งระบบจะสามารถบริหารจัดการผ่านเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย
รวมทั้งสามารถโหลดแอปพลิเคชันเสริมหรือการตั้งค่าพิเศษผ่าน Store ของ SIEMENS ได้อีกด้วย
ในส่วนความเร็วในการทำงานนั้น
แม้ว่าโซลูชัน Random Bin Picking เมื่อเทียบกับความเร็วในการทำงานของมนุษย์แล้ว
ความเร็วในการคัดแยกและหยิบจับวัตถุอาจจะยังไม่สามารถเทียบเท่ากับมนุษย์ได้มากนัก
แต่ทางผู้พัฒนาก็ได้กล่าวว่า จุดเด่นของการนำ Cobot เข้ามาช่วยงาน
ก็คือ Reliability หรือความมั่นคงของผลลัพธ์ที่ได้นั่นเอง
เพราะการที่หุ่นยนต์ไม่มีความเหนื่อยล้านั้น ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพักผ่อน
จึงสามารถคาดหวังผลลัพธ์ในการทำงานจาก Cobot ว่าจะสามารถถึงเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแน่นอน
ศักยภาพของหุ่นยนต์จะทำให้เกิดการทำงานที่ต่อเนื่อง
แม่นยำ และมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ
ผลลัพธ์ของการทำงานไม่ว่าจะเป็นยอดในการผลิตหรือในเชิงคุณภาพก็สามารถทำงานได้เต็ม 100%
ของผลลัพธ์ที่ต้องการ
ในขณะที่การนำหุ่นยนต์เข้ามาร่วมทำงานกับมนุษย์ ก็จะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเปลี่ยนไปดูแลงานส่วนอื่นที่มีความสำคัญและต้องการการตัดสินใจมากกว่าแทนได้ เป็นการลดความยุ่งยากและเหนื่อยล้าในการทำงาน และผสานเอาจุดเด่นของทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์ให้อยู่ถูกที่ถูกทางสามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างชัดเจนนั่นเอง
สุดท้ายแล้วผู้ที่สนใจในโซลูชัน
Random
Bin Picking โซลูชันนี้มาในราคา 1.89 ล้านบาทสำหรับระบบกล้อง
2 มิติ และ 1.99 ล้านบาทสำหรับระบบกล้อง
3 มิติ ซึ่งราคานี้จะรวมทั้งส่วนของกล้อง Robot 2D/3D
Vision, หุ่นยนต์ Cobot, Gripping System และซอฟต์แวร์ในการทำงาน
ที่หากทุก ๆ ท่านลองไปดูราคาซื้อแยกขององค์ประกอบแต่ละส่วนแล้ว เพียงแค่แขนกล Cobot
เฉย ๆ ก็อาจจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทแล้วครับ
ซึ่งก็ยังไม่พูดถึงในส่วนของกล้อง 3D Vison หรือระบบ Gripper
และซอฟต์แวร์ในการทำงานอีกเช่นกัน
โปรโมชันในงานสำหรับผู้ที่เคยได้พูดคุยติดต่อกับ
Brainworks
ทั้งในอีเวนต์ที่ผ่านมา และอีเวนต์ที่กำลังจะเกิดในอนาคต Brainworks
ยังมีให้ผ่อน 0% ได้นานถึง 6 เดือน ดาวน์เริ่มต้น 30% และเลือกแบ่งผ่อนชำระ 12
เดือน, 18 เดือน และ 24 เดือนได้ในอัตราดอกเบี้ย
6.5%
โซลูชัน
Random
Bin Picking สามารถช่วยให้ทุกโรงงานควบคุมคุณภาพและควบคุมจำนวนชิ้นงานที่ต้องการในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดหรือได้งานไม่ถึงเป้าอีกต่อไป
หากใครที่ยังลังเลอยู่สามารถเข้าไปสอบถามข้อมูล โปรโมชันเพิ่มเติมจากทาง Brainworks
ที่พร้อมพูดคุยและให้คำปรึกษาแนะนำด้วยความเชี่ยวชาญ
พร้อมพาร์ทเนอร์ตัวจริงที่สามารถตอบได้ทุกข้อสงสัยของคุณแน่นอน
ที่มา
: MMthailand
วันที่
30 สิงหาคม 2565