สยามคูโบต้าเผยความสำเร็จจากการเปลี่ยนผ่านมาสู่ดิจิทัลรูปแบบใหม่
โดยการใช้ “นวัตกรรมคลาวด์” เร่งพัฒนาบุคลากรด้าน Data
พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตรสู่การเป็น Smart Farmer
เมธี
ศรีสุพรรณดิฐ ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยี บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น
จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางกรุงเทพธุรกิจถึง
การประสบความสำเร็จจากการนำนวัตกรรมคลาวด์และเทคโนโลยี Internet
of Things (IoT) มาเสริมกำลังทัพของบุคลากรภายในองค์ด้าน “Data
Visualization” เพื่อเปลี่ยนผ่านมาสู่ดิจิทัลรูปแบบใหม่
และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเกษตรในรูปแบบ 4.0 ตอบโจทย์เกษตรกรสู่การเป็น Smart
Farmer
ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านสู่
Data
Citizen
สถานการณ์โควิด-19
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชน
ต้องเร่งปรับตัวและหันมาใช้เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร
ตลอดจนการเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล
เมธี
กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สยามคูโบต้าทำงานภายใต้กระบวนการทำงานแบบแมนวลที่ขาดความเชื่อมต่อกัน
ซึ่งกลายเป็นภาระงานที่กินเวลา ประสบกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
เข้ามามีบทบาทในช่วงของการทำงานที่บ้าน (work from home) จึงทำให้บริษัทมองหาโซลูชั่นใหม่ ๆ
เพื่อปรับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่ง ซึ่งก็ได้มาเจอกับเทคโนโลยีคลาวด์
และได้สร้าง ทีม COVID-19 Center เพื่อเป็นสื่อกลางในการประสานงาน แบ่งออกเป็น 6 ทีม ได้แก่ ทีมสื่อสาร ทีมความปลอดภัย ทีมจัดการ Cash Flow ปรับรายรับรายจ่ายให้เหมาะสม ทีม R&D ดูแลเรื่อง การวิจัยและการพัฒนาหาแนวคิดหรือโอกาส ทีม CSR เพื่อให้ ความช่วยเหลือสังคม และทีมทำ New Normal Operation เพื่อบริหารธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
เมธี
ศรีสุพรรณดิฐ
ทีมดังกล่าวได้มีการนำเอาคลาวด์และ
IoT
มาปรับใช้ในองค์กรทุกภาคส่วน ตั้งแต่ การวิเคราะห์ข้อมูล
การจัดทำงบประมาณ การวางแผน การคาดการณ์ และการรายงาน เริ่มใช้มาตั้งแต่ปลายปี
2019 จนถึงปัจจุบัน แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1.
การใช้คลาวด์ของ Microsoft เป็นหลักทั้งองค์กร
เพื่อหาจุดเชื่อมต่อที่เป็นจุดเดียวกัน แสดงผลทิศทางเดียวกัน ใช้ในการประชุม
เพื่อการจัดการบริหารระบบที่เรียลไทม์
สามารถสร้างทีมให้เหมาะสมกับขนาดหรือรายละเอียดของงาน
2.
การใช้ Tableau
Cloud มาเสริมในส่วนการบริหารจัดการข้อมูล (Data
Visualization) ในส่วนนี้จะใช้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรกรโดยตรง
เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน ออกฟีเจอร์ใหม่ ๆ
ช่วยทำให้เกษตรกรมีความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์ความเสี่ยง-ประเมินพื้นที่การเกษตร เช่น โรค/น้ำ/อากาศ
ก่อนลงทุนกับเครื่องมือหรือพื้นที่ต่าง ๆ ช่วยส่งเสริมเกษตรกรตรวจสอบพืชผลของตนโดยใช้
IoT ผ่านการแสดงข้อมูลด้วยภาพ (Data visualization)
ซึ่งขณะนี้
Kubota
Farm เริ่มทำการทดลองไปพร้อมกับเกษตรกร กล่าวคือ เอา Data เข้ามาลองใช้ ส่งเสริมกำไรให้สอดคล้องกับการลงทุนกับนวัตกรรมของเกษตรกร
นอกจากนี้ ก็ยังทำให้เกิดการทำงานนอกสถานที่ได้ สามารถทำงานในพื้นที่เกษตร
แม้ว่าจะไม่ได้เข้าบริษัท
ทุกคนก็สามารถเห็นชุดข้อมูลเดียวกันแบบเรียลไทม์ผ่านคลาวด์
3.
การใช้ Salesforce
เป็นเครื่องมือหลักในการดูแลลูกค้าและบริการต่าง ๆ
ทั้งก่อนการขายและหลังการขาย เช่น ฟีเจอร์แชทสอบถามข้อมูลอะไหล่ในเว็บไซต์ KUBOTA
Store เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าและรับบริการที่ดี
สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
จากการใช้คลาวด์ทั้ง
3 รูปแบบนี้ ทำให้สยามคูโบต้าลดเวลาการจัดทำรายงานงบประมาณจากเกือบสองสัปดาห์
เหลือเพียงน้อยกว่าหนึ่งวัน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาที่ใช้ในการคาดการณ์ลงได้ถึง 90%
ขณะที่การประมวลผลของระบบวางแผนเร็วขึ้น 80%
การผนวกข้อมูลการวางแผนของทุกส่วนงานและข้อมูลธุรกิจจากกว่า 70 แหล่งเข้าด้วยกัน
ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและปัจจัยทางเศรษฐกิจอย่างราคาน้ำมันหรืออัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้
ก็ยังมีการเวิร์คช็อปพนักงานภายในองค์กรไปแล้ว 200 คน
เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจและสามารถใช้งานด้าน Data Visualization เพื่อคาดการณ์ยอดขายและแบ่งส่วนของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
“คาดหวังว่าในอนาคต
1-2 ปีนี้ Data Citizen จะเป็นอนาคตใหม่ของการทำงาน
เป็นการเปลี่ยนผ่านที่ต่อไป ใคร ๆ
ก็สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลกันได้เหมือนกับการใช้งาน Microsoft Word โดยไม่จำเป็นต้องมีคนมาสอน”
เมธี กล่าว
เทคโนโลยี
Big
Data สนับสนุนเกษตรกร
สยามคูโบต้านำเทคโนโลยี
IoT
มาสนับสนุนเกษตรกรในเรื่อง การลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต
เพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรโดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการคูโบต้าฟาร์ม
และเกษตรปลอดการเผา ออกเครื่องจักรใหม่ ๆ เช่น เครื่องตัดหญ้าเนเปียร์
สำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมและพลังงานชีวมวล แทรกเตอร์ B2401
พร้อมเครื่องตัดหญ้าใต้ท้องรถ (Mid mower) โดรนอัจฉริยะลบสิ่งกีดขวางในแปลงเกษตร
เป็นต้น
ในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
(Digitalization)
เพื่อสื่อสารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เช่น ระบบ QRoC หรือ QRadar on Cloud ที่คอยตอบคำถามเพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างบริการผ่านช่องทางไลน์
ระบบ Scan QR code เพิ่มความสะดวกสบายในการจ่ายค่าบริการที่หน้างานของลูกค้า
นอกจากนี้
ยังได้จับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง SCG ร่วมทุนจัดตั้ง
บริษัท เกษตรอินโน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนการถือครองหุ้นคือ เอสซีจี 51% สยามคูโบต้า 25% และคูโบต้า
คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น 24%
สำหรับสินค้าและบริการของเกษตรอินโน
ประกอบด้วย เกษตรอินโน โซลูชั่น (KasetInno Solutions) ประกอบด้วย Farm Design, Farm Development และ Farm
Care บริการออกแบบ พัฒนา และดูแลฟาร์มเกษตรครบวงจร
เพื่อช่วยวางแผนในการทำเกษตร ให้แก่กลุ่มคนที่สนใจการทำเกษตรแต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเริ่มต้น
รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีพื้นที่ว่างเปล่า
หรือกลุ่มองค์กรธุรกิจการเกษตรที่ต้องการองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้บริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และกลุ่มเกษตรกรมืออาชีพที่มีพื้นที่ทำเกษตรเดิมอยู่แล้ว
แต่ต้องการระบบการจัดการรวมถึงเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่เข้ามาช่วย
ที่มา
:
กรุงเทพธุรกิจ
วันที่
8 สิงหาคม 2565