ระบุปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองเป็นสมาร์ทซิตี้รวม
30
พื้นที่ใน 23 จังหวัด
ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกว่า 20 ล้านคน
เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากภาคเอกชนมูลค่ารวมกว่า 20,000
ล้านบาท
ผศ.ดร.ณัฐพล
นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า
กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา “สมาร์ทซิตี้ กับ สมรรถนะการแข่งขันของเมือง”
ในหัวข้อการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัลว่า
แนวคิดการสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งข้นด้านดิจิทัลอย่างยั่งยืน (Digital
Competitive Advantage) จะมี 4 หัวข้อหลักคือ
1.
การเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และข้อมูล (Digital Access) รวมถึงการจัดเก็บข้อมูล การนำข้อมูลออกมาใช้ประโยชน์ หรือการเปลี่ยนข้อมูลเป็นชิ้นงาน
โดยการต้นแบบอย่างรวดเร็ว ที่เชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น (Mass Customization)
2.
การเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์-บุคคล-ธุรกิจ-สังคม (Digital
Connectivity) เกิดการเชื่อมโยงของเศรษฐกิจ สังคม
ทั้งโลกกึ่งเสมือนและโลกเสมือน ที่คนสามารถดำเนินชีวิตได้ทั้งสองโลกพร้อมๆ กัน
3.
ข้อมูลเกิดจากการเชื่อมโยง อุปกรณ์-บุคคล-ธุรกิจ-สังคม (Digital
Data) เกิดข้อมูลขนาดใหญ่
และถูกนำไปประมวลเพื่อก่อประโยชนในมิติต่างๆ มากขึ้น ประเทศไทย
ต้องใช้ประยชน์จากข้อมูลเพื่อให้การดำเนินงานทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปโดยสะดวก
และ 4. ยุคอัตโนมัติที่เกิดจากการเข้าถึงดิจิทัล (Digital Automation)การเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์-บุคคล-ธุรกิจ-สังคม เกิดข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้การผลิตสินค้า บริการ การจัดการ และการส่งมอบสินค้าและบริการ รวมถึงคอนเทนต์ เสร็จสมบูรณ์อย่างถูกต้อง ใช้เวลาน้อย เกิดความผิดพลาดน้อย ส่งมอบให้กับคนที่ถูกต้องช่องทางที่ถูกต้อง โดยมนุษย์ไม่ต้องทำเองทั้งหมดแต่เกิดขึ้นโดอัตโนมัติ