แนวโน้มเทคโนโลยีในภาคการเกษตรสู่ ‘Smart Farming’



อุตสาหกรรมเกษตรได้หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นในหลายด้าน อาทิ แทรคเตอร์ไร้คนขับ โดรน ระบบเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งบทความนี้จะพาสำรวจแนวโน้มของเทคโนโลยี Smart Farming ที่จะขับเคลื่อนสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูง

การทำการเกษตรดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนทำงานในไร่นา เก็บเกี่ยวพืชผล และเลี้ยงสัตว์ แต่ถ้าเรามองให้ละเอียดยิ่งขึ้นก็จะตระหนักว่า วิธีการทำงานในภาคการเกษตรกำลังเปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าที่ใครจะคิด ซึ่งระบบอัตโนมัติและวิทยาการด้านหุ่นยนต์ก็มีบทบาทสำคัญ

ทำไม ‘ออโตเมชัน’ จึงสำคัญต่ออุตสาหกรรมเกษตร?

อุตสาหกรรมเกษตร’ มีความท้าทายหลายด้าน ซึ่งหลายปัจจัยอยู่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ความชื้น ศัตรูพืช และโรคระบาด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมเกษตรส่งผลต่อผลกำไรของเกษตรกรเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานที่รุนแรงขึ้นจากโควิด

เกษตรกรจึงจำเป็นต้องมีผลผลิตมากพอเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ และในขั้นถัดไปคือ ทำอย่างไรให้ที่ดินที่มีอยู่สามารถสร้างผลผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานด้วยสายการผลิตที่มีอยู่แต่เดิม ทำให้การนำเทคโนโลยีด้านออโตเมชันมาใช้แทบจะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้การเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพเป็นจริงขึ้นมาได้ 

ออโตเมชัน” จึงมีพื้นที่อีกมากในการเข้ามายกระดับความสำเร็จในการทำเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบเซนเซอร์ร่วมกับโดรนเพื่อปรังปรุงสภาพไร่นา การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้ดีขึ้น ซึ่งแนวโน้มของเทคโนโลยีด้าน Smart Farming ที่จะขับเคลื่อนสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูง มีดังนี้


เครื่องจักรสำหรับการทำไร่นาอัตโนมัติ

รถแทรกเตอร์” เป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่เป็นภาพจำของอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเกษตรกรจำเป็นต้องขับรถแทรกเตอร์นานถึงวันละ 8-12 ชั่วโมง ทำให้มีการพัฒนารถแทรกเตอร์ไร้คนขับเข้ามาช่วยงานเกษตรกร อย่างไรก็ตาม รถแทรกเตอร์ทำงานอัตโนมัติที่เปรียบเหมือน “หุ่นยนต์ทำไร่” นี้ยังเป็นเรื่องใหม่และต้องใช้เม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีกำลังมากพอ แต่ในอนาคตที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำไร่มีการแข่งขันมากขึ้นก็จะทำให้ราคาถูกลง การใช้งานอย่างแพร่หลายก็จะเกิดขึ้นได้

โดรนในอุตสาหกรรมการเกษตร

หนึ่งในอุปสรรคของการทำเกษตรคือพื้นที่การทำงานที่กว้างใหญ่ ทำให้ “โดรน” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์เรื่องนี้ โดรนสามารถบินได้เป็นระยะทางไกล ครอบคลุมพื้นที่ได้ง่าย ปัจจุบันมีการใช้โดรนเพิ่มขึ้นอย่างมากในการทำเกษตร เช่น การใช้โดรนพ่นสารเคมีซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับระบบคลาวด์ เพื่อให้ความแม่นยำและสามารถจัดเก็บข้อมูลนำมาวิเคราะห์ รวมถึงควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้

เกษตรกรรมแนวตั้ง และหุ่นยนต์เรือนกระจก

ความคืบหน้าของเทคโนโลยีเซนเซอร์ เอไอ (AI) ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ และการปลูกพืชแบบแอโรโพนิกส์ ทำให้การทำเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) และการเกษตรในเรือนกระจก (Greenhouse) ซึ่งใช้พื้นที่น้อยและขยับขยายได้ง่าย สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ จึงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดปีโดยไม่ขึ้นกับฤดูกาล ซึ่งในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่หันมาทำการเกษตรในร่ม (Indoor Farming) มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยใช้ออโตเมชันในการรดน้ำและใส่ปุ๋ยอย่างแม่นยำการใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตรวจสอบความชื้น เก็บข้อมูลโรคพืช การคัดต้นที่แข็งแรง ไปจนถึงการวิเคราะห์วันเก็บเกี่ยว

อุปสรรคของการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการเกษตร

ข้อมูลจาก ReportLinker เปิดเผยว่า ในปี 2021 ตลาดหุ่นยนต์การเกษตรทั่วโลกมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะขึ้นไปอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2026 เติบโตเฉลี่ยปีละ 19.3% สะท้อนให้เห็นว่าการนำออโตเมชันมาใช้ในภาคการเกษตรกำลังอยู่ในขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการนำมาใช้ยังคงมีอุปสรรคอีกมาก โดยอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด คือราคา เช่น รถแทรกเตอร์ไร้คนขับซึ่งเป็นสินค้าราคาแพงที่กำลังอยู่ในช่วงเปิดตัวสู่ตลาด แต่สำหรับเกษตรกรที่มีรายได้น้อยแล้ว เครื่องรีดนมวัวอัตโนมัติ หรือระบบเซนเซอร์ในฟาร์มซึ่งมีราคาถูกกว่าก็เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่แล้ว

อีกอุปสรรคหนึ่งคือความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เช่น ในการลงทุนเครื่องพ่นสารเคมีหรือโดรนนั้น เกษตรกรจะต้องมั่นใจได้ว่าการลงทุนนี้คุ้มค่า และต้องไม่ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย

ที่มา : M Report

วันที่ 21 กรกฎาคม 2565


ไฟล์เอกสารแนบ
-
ที่มา : M Report
ข้อมูลวันที่ : 2022-07-21 02:36:10
700/1 หมู่ 1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี, ถ.บางนา-ตราด กม. 57, ต.คลองตำหรุ, อ.เมือง, จ.ชลบุรี 20000
038-215033-39, 033-266040-44
Icon made by Freepik from www.flaticon.com