'5 ทักษะดิจิทัล' ที่จำเป็น ต่อการทำงานในปี 2023!!
คาดการณ์ว่าในอนาคต "คน" จะต้องทำงานควบคู่ไปกับ "ระบบเอไอ" และตำแหน่งงานประมาณ 85% ของคนที่จบการศึกษาในปี 2030 จะเป็นตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
คนที่มีทักษะทางด้านไอทีกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่าคนเก่งทางด้านนี้หายากและถูกแย่งตัวกันอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันเทคโนโลยีดิจิทัลก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก งานบางอย่างที่เคยต้องใช้คนไอทีทำ เช่น การเขียนโปรแกรม ก็ปรากฏว่ามีเทคโนโลยีที่เป็นแพลตฟอร์ม No-Code หรือ Low-code ที่ทำให้คนทั่วไปสามารถพัฒนาแอปได้เอง หรือแม้แต่งานทางด้านเอไอก็ง่ายขึ้นจนแทบไม่ต้องเขียนโปรแกรมยากๆเช่นเดิม ดังนั้นบางครั้งองค์กรอาจไม่ใช่แค่ต้องหาคนไอทีมาทำงานด้านไอทีอย่างเดียว แต่อาจจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของคนในองค์กรให้ทำงานด้านดิจิทัลได้เช่นกัน
เทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะทางด้านเอไอได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานหลายๆ อย่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และความเก่งของเอไอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตคนจะต้องทำงานควบคู่ไปกับระบบเอไอ และตำแหน่งงานประมาณ 85% ของคนที่จบการศึกษาในปี 2030 จะเป็นตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ดังนั้นในปัจจุบันคนทำงานจำเป็นต้องมีทักษะทางด้านดิจิทัลที่ดี เพื่อที่จะสามารถเตรียมรองรับการทำงานในอนาคตได้ โดยทาง Bernard Marr ซึ่งเป็นนักอนาคตศาสตร์ได้ระบุถึง
ทักษะทางด้านดิจิทัล 5 ด้าน ที่จะมีความจำเป็นในการทำงานในปีหน้า ดังนี้
1. การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) / การเล่าเรื่องข้อมูล (Data Storytelling)
ทั้งนี้เพราะมีการคาดการณ์ว่า งานกว่า 70% ในปัจจุบันจะเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูล ดังนั้นผู้ที่สามารถนำข้อมูลมาสื่อสาร แปลความหมาย วิเคราะห์ หรืออธิบายให้คนอื่นๆ เข้าใจเพื่อใช้ในการตัดสินใจในการทำงาน จะมีคุณค่ากับองค์กรเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงคนที่สามารถจะนำข้อมูลมาเล่าเรื่องเป็นภาพ กราฟ หรืออินโฟกราฟิกต่างๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือในการทำ Dashboard อย่าง Power BI หรือ Tableau ก็จะเป็นที่ต้องการอย่างมาก และยิ่งได้คนที่เข้าใจธุรกิจขององค์กรนั้นๆ ด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
2. ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรส่วนใหญ่หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างเต็มตัวตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด การทำงานและข้อมูลต่างๆ ก็อยู่ในรูปดิจิทัล มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้มากมายเพื่อการทำงานนอกสถานที่ ทั้งการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ และไอโอที (IoT)ความเสี่ยงทางด้านการถูกคุมคามด้านไซเบอร์ เช่น การถูกขโมยข้อมูล การเรียกค่าไถ่ ประกอบกับมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก็ยิ่งทำให้เห็นความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ที่จะมาดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น รวมถึงคนทำงานทุกคนควรจะต้องมีทักษะทางด้านนี้ ต้องมีความตระหนัก และเข้าใจวิธีการที่จะป้องกันตัวเองและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้งานให้ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
3. การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX Design)
ซึ่งก็รวมไปถึงการออกแบบหน้าจอผู้ใช้ (UI Design) ก็เป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นในปีหน้า เพราะการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลทำให้องค์กรทุกองค์กรกลายเป็นองค์กรด้านเทคโนโลยีและงานทุกอย่างต้องใช้เทคโนโลยี คนทำงานทุกคนคงหนีไม่พ้นที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาแอปต่างๆ จึงจำเป็นต้องทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน ยิ่งมีแพลตฟอร์มแบบ No-code ก็ทำงานคนทั่วไปสามารถพัฒนาแอปเองได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องการคนที่มีทักษะในการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้จำนวนมากขึ้น
4. การตลาดดิจิทัล (Digital marketing)
งานด้านการตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนเห็นความจำเป็นของคนที่มีทักษะทางการตลาดดิจิทัล อย่างการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram หรือ TikTok แต่ในปีที่แล้วกระแสของเทคโนโลยี Metaverse กำลังมาแรง มีแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่ต้องคำนึงถึงมากขึ้น เช่น Augmented Reality (AR) การตลาดดิจิทัลจึงมีความแตกต่างจากเดิมมากขึ้น เพราะเริ่มมีช่องทางและรูปแบบใหม่ๆ ที่ต้องการทักษะทั้งทางด้านเทคนิคและความคิดสร้างสรรมากขึ้น
5. ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (Artificial Intelligence)
จากทักษะข้างต้นทั้งสี่ก็จะเห็นได้ว่าทุกทักษะจะมีความจำเป็นที่ต้องนำเทคโนโลยีด้านเอไอเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือการตลาดดิจิทัล ดังนั้นอีกหนึ่งทักษะที่จำเป็นต่อคนทำงานทุกคนในปีหน้าคือ เรื่องของเอไอ การใช้เอไอในการทำงาน รวมถึงการพัฒนาระบบเอไอเพื่อใช้งานในองค์กร ซึ่งจริงๆ แล้วในปัจจุบันเอไอกำลังเป็นเรื่องง่ายๆ ที่คนทุกคนสามารถพัฒนาทักษะของตัวเองได้
ทักษะทั้ง 5 ด้าน ที่ระบุมาทั้งหมด มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนทำงานในปีหน้า เพื่อให้สามารถแข่งขันต่อไปได้ ในโลกการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 19 ธันวาคม 2565
