กรมการปกครอง ปลื้มแอปพลิเคชัน ThaID
หลังจากเปิดตัวไตรมาสแรกปี 66 มียอดดาวน์โหลดกว่า 5.8 ล้านครั้ง พร้อมใช้ยืนยันตัวตนกับภาครัฐได้ถึง
11 ระบบ เผยขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ขออนุญาตใช้งาน 70 หน่วยงาน
นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมการปกครอง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ตามแผนพัฒนาภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจัดทำและพัฒนาแอปพลิเคชัน ThaID เพื่อเป็นระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
รองรับการใช้งานของประชาชนทั้งประเทศ ติดต่อกับราชการโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงาน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดการใช้ทรัพยากรกระดาษที่สิ้นเปลือง ลดความเสี่ยงในการใช้เอกสารราชการปลอมในกระบวนการยืนยันตัวตนของระบบเดิม สร้างมิติใหม่ของการทำธุรกรรมภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถบริการพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยระบบการทำงานของแอปพลิเคชัน ThaID
คือ การแสดงภาพบัตรประจำตัวประชาชนในรูปแบบดิจิทัล ทั้งด้านหน้าบัตร
และหลังบัตร เพื่อใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (Digital ID) รวมถึงการเปรียบเทียบภาพใบหน้า (Face Verification System) ทางดิจิทัล
เมื่อประชาชนเข้าไปใช้บริการจากทางภาครัฐหรือภาคเอกชนที่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตน
ก็สามารถเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน ThaID เพื่อยืนยันตัวตนได้เลย
โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลหรือใช้เอกสารยืนยันตัวตัว
นายแมนรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
"สำหรับแอปพลิเคชัน ThaID ได้เปิดตัวให้ประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดและใช้ยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งมีกระแสตอบรับอย่างกว้างขวาง มียอดดาวน์โหลดกว่า 5.8 ล้านครั้ง
เป็นการตอกย้ำภารกิจยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
และตามวัตถุประสงค์ของแอปพลิเคชันคือ “การพิสูจน์และยืนยันตัวตน...ของคนไทย”
ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐที่ขออนุญาตใช้งานการยืนยันตัวตน จำนวน 50 หน่วยงาน
พร้อมด้วยหน่วยงานภาคเอกชน 24 หน่วยงาน
ซึ่งขณะนี้มีระบบบริการที่ใช้ยืนยันตัวตนได้แล้ว
11 ระบบ ดังนี้
"1) งานทะเบียนออนไลน์
โดยกรมการปกครอง เช่น การใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
การตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ การแจ้งย้ายที่อยู่ด้วยตนเอง
การมอบหมายปลูกสร้างบ้านใหม่ (ขอเลขที่บ้าน) การคัดรับรองเอกสารด้วยตนเอง 2)
ยื่นภาษีออนไลน์ โดยกรมสรรพากร 3) ระบบ Health Link โดยสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (สวข.) 4)
ระบบยื่นคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมออนไลน์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน 5)
แอปพลิเคชันเงินเด็ก โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน 6) ระบบการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 7)ระบบแฟ้มสะสมผลงานอิเล็กทรอนิกส์
โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ 8) ระบบ DIP e-services โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา
9) ระบบ SEIS โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน 10)
ระบบจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ผ่านอินเตอร์เน็ต ของกรมการขนส่งทางบก และ 11) ระบบ LandsMaps
ของกรมที่ดิน
และจะมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ร่วมใช้ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลกับกรมการปกครองเพิ่มขึ้นอีกในระยะต่อไป"
ทั้งนี้ กรมการปกครองได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ThaID โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลักการที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล อาทิ มีข้อความเตือน (Notification) ทุกครั้งที่มีการขอเข้าถึงข้อมูล การให้ข้อมูลเจ้าของข้อมูลจะต้องให้ความยินยอม โดยต้องใส่รหัส 8 หลักตามที่ตั้งไว้เอง ถ้าไม่ยินยอมหรือรหัสไม่ตรงกับที่ตั้งไว้ ข้อมูลก็จะไม่มีการส่งออกไป สามารถตรวจสอบรายการที่ให้ข้อมูลได้ด้วยตนเองจากประวัติการให้ข้อมูล สามารถใช้งานได้เพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวเท่านั้น ถ้ามีการลงทะเบียนเครื่องใหม่สำเร็จ เครื่องเก่าจะถูกยกเลิกทันที โทรศัพท์ที่มีการแก้ไขระบบของเครื่อง (Jailbreak) จะไม่สามารถใช้งาน ThaID ได้ เป็นต้น โดยกรมการปกครองได้เน้นย้ำบุคลากรในพื้นที่ทั้ง 878 อำเภอ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ร่วมสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนในการดาวน์โหลดและใช้แอปพลิเคชัน ThaID บนโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อให้นำไปเผยแพร่ให้บุคคลในครอบครัวได้ใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชัน ThaID อย่างกว้างขวาง
สำหรับแอปพลิเคชัน ThaID
สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้บนโทรศัพท์มือถือ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ทั้งระบบ Android และ iOS โดยดำเนินการได้
2 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 ลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่
โดยนำโทรศัพท์มือถือและบัตรประจำตัวประชาชน มายังสำนักทะเบียนทั่วประเทศ
และช่องทางที่ 2 ลงทะเบียนด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน ThaID และยืนยันตัวตันตามขั้นตอนในระบบ
โดยกรมการปกครองยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชัน ThaID ภายใต้ความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลมี
เพื่อให้บริการภาครัฐมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ
และตอบโจทย์ประชาชนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างแท้จริง
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 6 กรกฎาคม 2566