Mulesoft
ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันดิจิทัลได้เปิดเผยรายงานการศึกษาข้อมูลเทรนด์ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการผลักดันให้เกิด
Digital Transformation ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2023 เพื่อยกระดับปฏิบัติการณ์
โดยที่ยังคงใส่ใจต่อประสบการณ์ของลูกค้าและผู้ปฏิบัติงานในเวลาเดียวกัน
Digital
Transformation เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการผลิตสมัยใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ภายหลังการมาถึงของการระบาดใหญ่ COVID-19
ความไม่แน่นอนได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยก่อกวนเสถียรภาพของธุรกิจและกระแสเงินสด
ความไม่แน่นอนดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในภาคของแรงงาน ซัพพลายเชน กระบวนการผลิต
โลจิสติกส์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายหรือ CRM ต่าง ๆ
โดย
Mulesoft
ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Salesforce ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์บน Cloud รายใหญ่
ได้เปิดเผยรายงานการศึกษาข้อมูลและพบ 7
ปัจจัยที่สำคัญในประเด็นของ Digital Transformation ที่จะเกิดขึ้นในปี
2023 ดังนี้
การลงทุนด้านระบบอัตโนมัติจะเกิดการสะดุด
เพราะหลายองค์กรจะให้ความสำคัญกับการทำน้อยได้มากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าระบบอัตโนมัตินั้นขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของประสิทธิภาพ
เพิ่มผลิตภาพ และช่วยลดต้นทุนได้อย่างมากมายท่ามกลางความไม่แน่นอน และในปี 2023 การใช้ Hyperautomation จะกลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ
ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรได้เริ่มต้นใช้งานแล้ว โดย 80%
ขององค์กรมี Hyper Automation อยู่ในแผน Roadmap 24 เดือนที่จะมาถึงนี้
Composability จะเป็นเสาหลักของธุรกิจในการผลักดันนวัตกรรมและความคล่องตัว
Composability
จะเปิดโอกาสให้ทีมสามารถทำอะไรต่าง ๆ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำให้ทีมสามารถทำศักยภาพเดิมที่มีอยู่แล้วกลับมาใช้อีกครั้งเพิ่มเพิ่มความคล่องตัวได้
ด้วยการผนวกแผนยุทธศาสตร์ Composability อย่าง Low/No-Code
เข้ากับ เทคโนโลยี Hyper Automation องค์กรสามารถยกระดับงาน
IT และเพิ่มความรวดเร็วรวมถึง Scale ในงานด้านต่าง
ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ
ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้อย่างราบลื่นและทรงพลัง
ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะด้านเทคนิคจำเพาะจะใช้เครื่องมือกลุ่ม
Low/No-Code
และระบบอัตโนมัติเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
ในขณะที่ความต้องการแรงงานเพื่อสนับสนุน
Digital
Transformation แต่ทักษะด้าน IT กลับเป็นสิ่งที่ขาดแคลนในตลาดแรงงาน
73% ของผู้นำในธุรกิจ IT ให้ความเห็นว่าการหาแรงงานที่มีทักษะดังกล่าวในปัจจุบันนั้นมีความยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้จึงส่งผลให้เครื่องมือกลุ่ม Low/No-Code จะถูกป้อนเข้าสู่ตลาดธุรกิจเพื่อสนับสนุนแรงงานที่มีอยู่ให้ก้าวผ่านความท้าทายที่เกิดขึ้น
หลายองค์กรมีแนวโน้มที่จะสร้างทีมลูกผสมระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและธุรกิจขึ้นมา
และเมื่อมีเครื่องมือที่ใช่เกิดขึ้น ทีมนี้ก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
ได้โดยมีแผนก IT คอยสนับสนุนอีกต่อหนึ่ง
องค์กรจะลงทุนในยุทธศาสตร์
Total
Experience (TX) เพื่อผลักดันลูกค้าและลูกจ้างเพื่อสร้างความภักดีและความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ในปี
2023 ที่กำลังมาถึง
องค์กรจะถูกกดดันจากการส่งมอบประสบการณ์อันไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้าซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเติบโต
การประกันความมั่นคงรายได้ และทำให้มั่นใจได้ในความรักภักดีต่อองค์กรของลูกค้า
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ประสบการณ์ของลูกจ้างที่เป็นกุญแจของความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น
การวิจัยพบว่า 86% ของผู้นำด้าน IT กล่าวว่าประสบการณ์ที่องค์กรมอบให้ลูกจ้างและลูกค้านั้นมีความสำคัญไม่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์และบริการ
โดยประสบการณ์ของลูกค้า (CX) และประสบการณ์ของลูกจ้าง (EX)
จะช่วยเพิ่มรายได้และช่วยรักษาทักษะที่กำลังขาดแคลนเพื่อให้องค์กรเพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่จะเกิดกับผลลัพธ์ของธุรกิจ
บริษัทจะเพิ่มการใช้ข้อมูลเพื่อทำให้เกิดการตัดสินใจอัตโนมัติด้วยระบบอัจฉริยะเพื่อลดต้นทุนในการเสียโอกาส
การที่มีข้อมูลพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนการตัดสินใจเป็นความสำคัญลำดับต้น
ๆ ขององค์กรกว่า 83% อย่างไรก็ตามข้อมูลจำเป็นต้องนำไปใช้งานต่อยอดได้อย่างชาญฉลาด
ซึ่งปกติข้อมูลเหล่านี้มักถูกล็อคอยู่ใน Silo ของบริษัท
กลายเป็นการบดบังการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปี 2023
ที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีการใช้เทคโนโ,ยีฝังตัวเพื่อการวิเคราะห์แบบ
Real-time สำหรับการใช้ประโยชน์จาก Silo ของข้อมูล ทำให้เกิดการทำงานอัตโนมัติ ความอัจฉริยะ และข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time
ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
ทำให้เร่งความเร็วในการใช้เวลาให้เกิดมูลค่าและลดการสูญเสียโอกาสอันสูญเปล่าได้แตกต่างจากที่เคย
การป้องกันด้าน
Cybersecurity
จะมีลำดับชั้นขั้นตอนที่มากขึ้นและการบูรณาการในการป้องกันภัยจะเพิ่มความซับซ้อนอีกไม่น้อย
การลงทุนด้านสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีจะเติบโตขึ้นกว่าเดิมอีกมาก
การเติบโตนี้นำมาสู่ภัยร้ายและความเสี่ยงที่ทวีความรุนแรงและหลากหลายมากยิ่งขึ้น
องค์กรจำนวนไม่น้อยจึงมุ่งหน้าสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาด้าน Cybersecurity
โดยคาดว่าการบูรณาการเทคโนโลยีและแนวทางที่เกิดขึ้นจะลดผลกระทบด้านความปลอดภัยทางการลงได้เฉลี่ย
90% โดยองค์กรจะต้องบริหารจัดการการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้น API
ไปจนถึงองค์ประกอบและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ผ่าน Interface เพียงตัวเดียว แนวทางนี้จะทำให้เกิดการใช้งานแพลตฟอร์มที่มีลักษณะ Lightweight
เพื่อทำงานข้ามกันระหว่างสถาปัตยกรรมหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ
ความยั่งยืนจะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนด้าน
IT
ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นความท้าทายใหญ่สุดของสังคม
เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในกระบวนการ
องค์กรจะต้องพิจารณาข้อมูลเชิงลึกที่เกิดขึ้นใมนกระบวนการต่าง ๆ
และยกระดับการบูรณาการให้เกิดการใ้ชงานทั่วทั้งซัพพลายเชน
ที่มา : MMThailand
วันที่ 16 มกราคม 2566