หุ่นยนต์ในปัจจุบันนั้นมีหน้าตาที่มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์สูงขึ้นทุกวัน
แต่ความใกล้เคียงนี้กำลังจะถูกพัฒนาไปอีกขั้นด้วยผิวหนังที่มีชีวิตจริง ๆ
เคลือบอยู่บนชิ้นส่วนของหุ่นยนต์
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) ได้พัฒนานิ้วของหุ่นยนต์ที่ควบคุมได้ ซึ่งปกคลุมไปด้วยเนื้อเยื่อผิวหนังที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ มีความยืดหยุ่นและรอยพับเมื่อหดและคลายตัวเหมือนผิวหนังมนุษย์ มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและสามารถรักษาตัวเองได้ด้วยการนำแผ่นคอลลาเจนมาปิดแผลไว้ประมาณ 7 วันเท่านั้น งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยในงานวิจัยด้านการแพทย์เกี่ยวกับความเสียหายของผิวหนัง เช่น บาดแผลลึกหรือแผลไฟไหม้ ตลอดจนช่วยพัฒนาการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย
งานวิจัยนี้ยังได้ระบุว่า นิ้วหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นนี้เหมาะกับการนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการสัมผัสที่อ่อนนุ่มแต่มีความแข็งแกร่งทนทาน ซึ่งเหล่านักวิจัยก็ยังต้องการพัฒนาให้นิ้วเหล่านี้มีระบบหลอดเลือด และสามารถ “รู้สึก” ได้เหมือนกับผิวหนังของมนุษย์จริง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นอีก
นิ้วหุ่นยนต์และผิวหนังที่มีชวิต
ที่มาภาพ : The University of Tokyo
ไม่หยุดแค่ผิวหนัง
พัฒนาต่อสู่ระบบอื่น ๆ ใต้ชั้นผิวเทียม
หัวหน้าทีมนักวิจัย
โชจิ ทาเคอุจิ (Shoji Takeuchi) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวยังได้กล่าวไว้ว่า
“ในอนาคต เราจะสร้างรูปแบบที่พัฒนาขึ้นอีกโดยการสร้างอวัยวะบางส่วนที่พบในผิวหนังเพิ่มเติมเข้าไป
เช่น เซลล์ประสาทสัมผัส รูขุมขน และต่อมเหงื่อ นอกจากนี้
เรายังอยากพยายามเคลือบโครงสร้างที่ใหญ่มากขึ้น”
ซึ่งนอกจากในด้านการแพทย์และการผลิตแล้ว
งานวิจัยผิวหนังที่มีชีวิตนี้ยังเปิดโอกาสให้ด้านอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง ยา
และเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้รับประโยชน์ร่วมด้วยเช่นกัน
การทดลองและทดสอบที่ต้องการผลลัพธ์จากสิ่งที่ใกล้เคียงกับมนุษย์จริง ๆ
จะสามารถทำได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น
ทั้งยังลดความรู้สึกแตกต่างของมนุษย์และเครื่องจักรลงไปอีกด้วย
ทั้งนี้การนำผิวหนังเทียมมาใช้กับหุ่นยนต์
ก็อาจจะทำให้ผู้ที่พบเห็นหรือต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์เหล่านี้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดหรือไม่สบายใจขึ้นได้
หากยังไม่ชินกับรูปร่างหน้าตาของผิวหนังเทียม ไม่แน่ว่าหุ่นยนต์ Ultra-realistic
humanoid robot ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีหน้าตา ผิวหนัง และระบบประสาทต่าง
ๆ ที่เหมือนกับมนุษย์มาก ๆ เหมือนหนังดังในอดีตอย่าง Terminator จนมนุษย์แยกความแตกต่างไม่ออกเกิดขึ้นก็ได้ครับ
ที่มาจาก : https://www.u-tokyo.ac.jp/focus/en/press/z0508_00225.html
ที่มา https://www.mmthailand.com/
วันที่ 7 กรกฎาคม 2565