ฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์คนไทย สวทช.ลุยภารกิจท้าทายความน่าเชื่อถือ


“ฐานข้อมูลชีวมิติของคนไทย” จัดทำขึ้นโดยห้องปฏิบัติการทดสอบซอฟต์แวร์ (SQUAT) หน่วยงานในสังกัดศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ที่จะต่อยอดข้อมูลสู่การให้บริการทดสอบการทำงานของระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตน (biometric verification system) หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ ให้กับหน่วยงานผู้พัฒนาระบบที่ต้องการประเมินเทคโนโลยี หรือการทำงานของระบบว่า เป็นไปตามข้อเสนอแนะมาตรฐานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) หรือแนวปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่

ข้อมูล Biometric (ข้อมูลชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้าหรือม่านตา) เป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลสูงและไม่สามารถเปลี่ยนได้เหมือนรหัสผ่าน หากหลุดออกไปจะเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้วยความสำคัญดังกล่าวจึงต้องมีการเข้ารหัสและการจัดการสิทธิ์เข้าถึง ที่เคร่งครัดเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูล มีการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ เช่น PDPA (ในไทย) หรือ GDPR (ในยุโรป)

นับเป็นภารกิจท้าทายยิ่งของคณะนักวิจัยที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ที่มาฐานข้อมูลชีวมิติคนไทย

ในอนาคต การใช้งาน Biometric อาจเป็นการผสมผสานกันระหว่างข้อมูลลายนิ้วมือกับเสียงพูด หรือใบหน้ากับลายม่านตา ซึ่งอาจจะไม่ใช้เพียงข้อมูลการยืนยันตัวตนเดียวเฉกเช่นในปัจจุบันอย่างการสแกนใบหน้าเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน

ดังนั้น ในการทำฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์ฯ SQUAT จึงเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายทั้งลายม่านตา ใบหน้า ลายนิ้วมือและเสียงพูด เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยชีวมิติในอนาคต

ในภารกิจการจัดทําฐานข้อมูลชีวมิติสำหรับการทดสอบ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.)

ดร.พนิตา เมนะเนตร นักวิจัยห้องปฏิบัติการทดสอบซอฟต์แวร์ อธิบายว่า ขั้นตอนการทำงานในการจัดทําฐานข้อมูลชีวมิติสำหรับการทดสอบซึ่งมีการเก็บข้อมูลจากอาสาสมัครรายบุคคล

จึงต้องเสนอโครงการไปยังคณะกรรมการพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ของ สวทช. ซึ่งผ่านการพิจารณารับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือน ม.ค.2567 และ มิ.ย. 2568 และกำหนดให้รายงานความก้าวหน้าทุก 6 เดือน

ในการจัดเก็บข้อมูล อาสาสมัครจะได้รับการแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับข้อมูลของโครงการ ตลอดจนวิธีการจัดเก็บข้อมูล biometricต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลายม่านตา ใบหน้า ลายนิ้วมือและเสียงพูด

ข้อมูล biometric ดังกล่าวสำหรับใช้ในการทดสอบระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตนใน SQUAT เท่านั้น ภายใต้มาตรการความเข้มงวดที่ช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะหลุดรั่วไหลสู่ภายนอก

เช่น ไม่มีการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และถูกเก็บอยู่ในตู้เซฟ โดยผู้ดูแล มีการแยกข้อมูลส่วนบุคคล (ชื่อ นามสกุล) กับข้อมูลชีวมิติ ไม่ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเจ้าของข้อมูลได้

ปัจจุบันมีฐานข้อมูล biometric สำหรับการทดสอบจากอาสาสมัคร ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568 ประมาณ 1,500 คน ที่กระจายตัวตามหลักการกระจายตัวของประชากร ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาคและกลุ่มอายุ

และอีก 1 เดือนข้างหน้าจะมีการเก็บข้อมูลเพิ่มอีก 300 คน จากเป้าหมายประมาณ 3,000 คน ในปี 2569

ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการทดสอบฯ ได้ร่วมใช้ข้อมูล biometric ของ ETDA ที่เก็บข้อมูลมาก่อนหน้านั้น ซึ่งมีข้อมูลอาสาสมัครประมาณ 3,000 คน ในการนำมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมินสมรรถนะการทำงานของระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวมิติ

หลากขั้นตอนที่แม่นยำ เชื่อถือได้

ดร.พนิตา อธิบายว่า ขั้นตอนการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและมีการรีเช็คในทุกขั้นตอน ประกอบกับทางโครงการมีการจัดเก็บข้อมูลอาสาสมัครทั้ง 4 ไบโอเมทริกซ์ (ลายม่านตา ใบหน้า ลายนิ้วมือและเสียงพูด)

แต่ละส่วนจะทำการเก็บข้อมูลหลายๆ ครั้ง เพื่อให้เป็นชุดข้อมูล จึงใช้เวลาค่อนข้างนานหรือ 30-40 นาทีต่อคน หรือเฉลี่ย 60-80 คนต่อวัน

ยกตัวอย่างการเก็บข้อมูลเสียงจะเก็บใน 2 ลักษณะคือ เสียงอ่านตามสคริปต์และเสียงพูดเล่าเรื่องประมาณ 1 นาที ส่วนอุปกรณ์บันทึกเสียงจะมีทั้งที่เป็นโมบายดีไวซ์ (โน้ตบุ๊ก สมาร์ตโฟน) และไมโครโฟน

ขณะที่การเก็บข้อมูลลายนิ้วมือ นอกจากใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือโดยเฉพาะทั้งสิบนิ้วแล้วยังมีการเก็บข้อมูลด้วยการถ่ายภาพลายนิ้วมือเพิ่มเติมอีกด้วย

หรือ การเก็บข้อมูลใบหน้าก็จะมีการเก็บในหลากหลายลักษณะ เช่น การก้มหน้า เงยหน้า หันหน้าซ้าย ขวา ตามองศาต่างๆ ที่กำหนด ซึ่งมีการเก็บข้อมูลใบหน้ารวมแล้วประมาณ 10 ภาพต่อคน

ในส่วนการเก็บลายม่านตา จะใช้อุปกรณ์กล้องถ่ายภาพม่านตาโดยเฉพาะ ในการจัดเก็บข้อมูลลายม่านตา

จะเห็นได้ว่า กระบวนการเก็บข้อมูล Biometric มีความซับซ้อน เป็นความลับและมีความน่าเชื่อถือสูงดังที่กล่าวมานั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความมั่นคงปลอดภัย โปร่งใส เกิดความเชื่อมั่นในการใช้งานและมีความน่าเชื่อถือ

วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการทดสอบของประเทศไทยและรองรับบริการการทดสอบระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตน ซึ่ง SQUAT จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2568

พร้อมทั้งการออกรายงานผลการทดสอบให้กับหน่วยงานผู้พัฒนาระบบที่จะนำไปยื่นให้กับ ETDA หรือ หน่วยผู้พัฒนาสถาบันทางการเงินที่จะนำไปยื่น ธปท.ได้อีกด้วย.

ข้อมูลเสริม

 - ETDA จัดทำมาตรฐานการใช้งานเทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric Standard) เพื่อให้หน่วยงานที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้งานในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนสำหรับภาคบริการประชาชน ได้มีแนวทางในการใช้งานและการบริหารจัดการอัตลักษณ์บุคคลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีความมั่นคงปลอดภัย โปร่งใส เกิดความเชื่อมั่นในการใช้งานและมีความน่าเชื่อถือ

- ธปท.ได้ออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric Technology) ในการให้บริการทางการเงิน วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินใช้อ้างอิงเป็นมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์มีความมั่นคงปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

พร้อมทั้งกำหนดให้ต้องนำส่งรายงานการตรวจประเมินการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Biometrics เปรียบเทียบภาพใบหน้าสำหรับกระบวนการรู้จักตัวตนลูกค้า เพื่อประกอบการพิจารณาและต้องได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. ก่อนให้บริการ

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 4 กันยายน 2568


ไฟล์เอกสารแนบ
-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ข้อมูลวันที่ : 2025-09-08 03:21:34
700/1 หมู่ 1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี, ถ.บางนา-ตราด กม. 57, ต.คลองตำหรุ, อ.เมือง, จ.ชลบุรี 20000
038-215033-39, 033-266040-44
Icon made by Freepik from www.flaticon.com