ภาพของเจ้าหุ่นกระป๋องที่วิ่งไปตามลู่วิ่งอย่างจริงจังจนชวนให้คิดว่าเอ๊ะ!
นี่มันคือภาพเอไอหรือเปล่า? แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือภาพการแข่งขันของหุ่นยนต์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
การแข่งขันนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
‘World
Humanoid Robot Games’ จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันถึง 192 ทีมจาก 88 ประเทศทั่วโลก เพื่อชิงชัย 26 เหรียญทอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าความสนุกสนานจากการแข่งขันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของการแข่งขันในครั้งนี้ของจีน
กับข้อความที่พวกเขาต้องการส่งบอกต่อให้คนทั้งโลกได้รู้ถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์
หรือที่เรียกว่า ‘ฮิวแมนนอยด์’ (Humanoid)
ว่าในเรื่องของหุ่นยนต์แล้วผู้พัฒนาจากจีนพร้อมท้าชนกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่
‘Opimus’
ของ Tesla ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกก่อนหน้านี้
เพราะนี่คือเดิมพันมหาศาลที่จีนหวังจะเป็นหนึ่งในใต้หล้าให้ได้
การแข่งขันของคนเหล็ก
ถ้าเอ่ยถึงสนามกีฬาในกรุงปักกิ่งแล้วใครก็คิดถึง
‘สนามรังนก’ (Bird nest stadium) สุดยอดสนามกีฬาระดับตำนานที่เคยจัดการแข่งขันโอลิมปิก
2008 และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั้งโลกมาแล้ว
แต่เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
มีการแข่งขันกีฬาอีกรายการที่ไม่ได้จัดขึ้นที่สนามรังนกแต่ก็สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั้งโลกเหมือนกัน
ซึ่งรายการที่ว่าคือ World Humanoid Robot Games หรือที่หลายคนเปรียบเปรยว่าเป็น ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’
รายการนี้ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้เป็นมนุษย์แต่เป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์หรือฮิวแมนนอยด์
จำนวนมากกว่า 500 ตัวซึ่งมาจากทีมนักพัฒนากว่า 192 ทีมจาก 88
ประเทศทั่วโลกที่พัฒนาหุ่นเหล็กในแบบของตัวเองเพื่อเข้าร่วมชิงชัยความเป็นหนึ่งกัน
ในกีฬา 3 ประเภทได้แก่ วิ่งแข่ง 1,500
เมตร, มวย และฟุตบอล
ตลอด
3 วันของการแข่งขันเต็มไปด้วยความเร้าใจผสมผสานกับเสียงหัวเราะ
เพราะถึงแม้จะได้เห็นความมหัศจรรย์ในการเคลื่อนไหวของเหล่าฮิวแมนนอยด์ที่คล้ายมนุษย์จริงๆเข้าไปทุกที
แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ได้เห็นมุมขำขันเมื่อเจ้าหุ่นกระป๋องเกิดล้มคว่ำล้มหงายในขณะวิ่ง
บางตัวถึงขั้นแขนหลุดขาหลุด
หรือในการแข่งฟุตบอลที่แทบไม่ได้เห็นการโชว์ลีลาทักษะการเลี้ยงบอลหรือยิงประตูแบบซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเลย
เพราะมันดูเหมือนรักบี้ที่ใช้ความแข็งแกร่งเคลื่อนไหวไถและชนไปให้เข้าประตู
ผ่านการบังคับของเจ้าของที่ควบคุมผ่านจอยสติ๊กอยู่ข้างสนาม ไหนจะการแข่งขันชกมวย
(แต่มีเตะด้วยนะ!) ที่เหมือนถอดแบบจากหนังเรื่อง ‘Real Steel’ เพียงแต่การเคลื่อนไหวยังคล่องและว่องไวอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าคิดถึงว่านี่เป็นเพียงก้าวแรก
มันก็เป็นก้าวแรกที่มีอะไรมากกว่าแค่การจับเอาหุ่นกระป๋องมาแข่งขันแน่นอน
เหรียญทองของจีน
ในการแข่งขันหลากหลายรายการที่มีจำนวนเหรียญทองรวมกันถึง
26 เหรียญนั้น หนึ่งในรายการที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือการแข่งขันวิ่ง 1,500 เมตร ที่เป็นไฮไลต์ในวันแรกของการแข่งเลย
ผลปรากฏว่าหุ่นที่คว้าชัยชนะได้เหรียญทองคือหุ่นรุ่น
H1 จากทีม ‘Unitree’ ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาหุ่นฮิวแมนนอยด์จากประเทศจีน
ที่ตั้งอยู่ในเมืองหังโจว โดยเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้ด้วยเวลา 6 นาที 35 วินาที
ชัยชนะและเหรียญทองนี้ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ในเชิงของกีฬาอย่างเดียว
(แน่ละแข่งกีฬาไม่มีใครอยากแพ้)
เพราะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการประกาศศักดาให้แก่คนทั้งโลกได้รู้ถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการสร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ของจีนที่กำลังทิ้งห่างชาติอื่นไปไกล
โดยที่ส่วนสำคัญนั้นมาจากการผลักดันแบบสุดตัวของรัฐบาลจีนที่ทุ่มงบประมาณมหาศาลมากกว่า
1 ล้านล้านหยวน (4.5 ล้านล้านบาท)
เพื่อสนับสนุนภาคส่วนต่างๆที่จะมีส่วนในการช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์ หรือบริษัทที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะใช้ในการควบคุมและสั่งการหุ่น
รัฐบาลปักกิ่ง
ซึ่งเริ่มต้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปี 2023 ยังให้การสนับสนุนด้วยผ่านการอุดหนุนบริษัทเหล่านี้
โดยมีการจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าถึง 247 ล้านหยวน (960 ล้านบาท) ในปี 2024 ซึ่งมากกว่าในปี 2023 ที่มียอดการจัดซื้อจัดจ้างแค่ 4.7 ล้านหยวน (21 ล้านบาท) หลายเท่าและคาดว่าตัวเลขในปี 2025
จะยิ่งสูงขึ้นอีกมาก
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนในการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เหล่านักพัฒนาได้โชว์ศักยภาพและเกิดการพัฒนาร่วมกันของวงการ
ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในงาน
โดยก่อนหน้างานแข่งกีฬาที่เหมือนโอลิมปิกของเหล่าหุ่นยนต์ได้มีการจัดการแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ประเทศจีนมาก่อนแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งมีหุ่นที่เข้าร่วมมากถึง
20 ตัว และมีผู้เข้าร่วมงานกวา 20,000 คน
โดยนักวิเคราะห์มองว่าอุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์มีโอกาสที่จะเป็นไม้เด็ดของจีนในแบบเดียวกับที่สามารถผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
(อีวี) จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกในตลาดได้อย่างน่าจับตามอง
เหรียญทองที่ได้จากการแข่งขันจึงเป็นเหมือนรางวัลตอบแทนความพยายามของจีนในเกมที่ไม่ใช่กีฬา
ความก้าวหน้าของฮิวแมนนอยด์
คำถามที่น่าสนใจคือฮิวแมนนอยด์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมากเพียงไหน?
มองจากการแข่งขันของเหล่าเจ้าหุ่นกระป๋องที่กรุงปักกิ่งที่เพิ่งจบลงไปแล้วต้องบอกว่าฮิวแมนนอยด์มีความก้าวหน้าไปมากพอสมควร
จากการที่สามารถพัฒนาให้หุ่นสามารถแข่งขันกีฬาของมนุษย์ซึ่งต้องใช้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน
ถึงแม้ว่าจะยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมากก็ตาม
อีกทั้งในการแข่งขันก็ไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งในเชิงของกีฬา
แต่มีการแข่งขันในเรื่องของการวัดขีดความสามารถของหุ่นยนต์ในด้านงานบริการ เช่น
การทำความสะอาด, การขนย้ายวัสดุ หรือการคัดแยกยา
ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ถูกนำไปพัฒนาเพื่อใช้งานจริงในอนาคตไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม
หรือในการรับใช้มนุษย์ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการพัฒนา
เจนเซน
ฮวง (Jensen
Huang) ซีอีโอแห่ง NVIDIA ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมจุดกระแสการพัฒนาหุ่นฮิวแมนนอยด์ด้วยการเปิดตัว
ISAAC GR00T N1 ซึ่งเป็น Open Humanoid Robot
Foundation Model ตัวแรกของโลกที่จะทำให้การพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วได้ทำนายเอาไว้ว่าเราอาจได้เห็นหุ่นยนต์ในสังคมโลกในอีกไม่เกิน
5 ปีข้างหน้า
โดยเวลานี้นอกจากหุ่นจากจีนที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังเดินหน้าในโปรเจ็คต์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น Softbank กับหุ่น NAO และ Pepper, Boston Dynamics กับหุ่น Atlas,
Agility Robotics กับหุ่น DIGIT และยักษ์ใหญ่ที่เคยสร้างความฮือฮามาก่อนอย่าง
Tesla กับ Tesla Bot หรือในอีกชื่อว่า
‘Optimus’
Tesla
กับปัญหาใหญ่
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมปีกลาย
Tesla
สร้างความตื่นตะลึงด้วยการเปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบตัวจริงหลังอย่าง
Optimus หลังจากที่มีการเปิดเผยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022
Optimus
เป็นหุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทั้งในโรงงาน Giga Factory ของ Tesla เองและจะสามารถใช้ในครัวเรือนได้ด้วยในการทำงานบ้านต่างๆ
เช่น การทำงานบ้าน การดูแลเด็ก ไปจนถึงการใช้หยิบสิ่งของ
ซึ่งจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่โลกมนุษย์เลยทีเดียว
อีลอน
มัสก์ เคยประกาศว่าต้องการที่จะสร้างหุ่นของพวกเขาให้ได้มากถึง 5,000 ตัวภายในปี 2025 นี้ แต่ผ่านมาแล้ว 8 เดือน Tesla ประสบปัญหาอย่างมากในการพัฒนาและสร้างหุ่น
Optimus ที่ทุกอย่างล่าช้าไปกว่ากำหนด
จนถึงตอนนี้มีการผลิตหุ่นออกมาได้เพียงจำนวนแค่ ‘หลักร้อย’ เท่านั้น
มัสก์
ได้แจ้งต่อนักลงทุนในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าการพัฒนาหุ่น Optimus
3 จะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงปีหน้า “เราพยายามที่จะเร่งกระบวนการผลิต Optimus
ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และอยากจะผลิตให้ได้ในหลักล้านตัวโดยเร็วที่สุด
เราคิดว่าเราจะสามารถทำได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี
นั่นเป็นความปทะเยอทะยานบนหลักการและเหตุผล”
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ
Tesla
ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการคาดกันว่าเกิดจากปัญหา ‘คอขวด’
ในไลน์การผลิต, การเปลี่ยนแปลงผู้นำในตัวโครงการ
ไปจนถึงปัญหาความท้าทายทางเทคนิคซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการชะลอตัวของการพัฒนา
และอาจจะบีบให้พวกเขาต้องเลื่อนกำหนดการในโครงการออกไป
โดยเฉพาะในเรื่องการลาออกของ
มิลาน โควัช (Milan Kovac) รองประธานฝ่ายวิศวกรรมและหัวหน้าของโปรแกรม
Optimus ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ Tesla ได้ฟ้องร้องต่อบริษัทสตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ที่ก่อตั้งโดยอดีตลูกจ้างของพวกเขาเองว่าได้จารกรรมข้อมูลความลับชั้นสุดยอดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหุ่ยนต์
แน่นอนว่าข่าวเหล่านี้ไม่เป็นผลดีเลยสำหรับ
Tesla
ที่เคยประเมินว่า Optimus อาจจะช่วยทำให้มูลค่าของบริษัททะยานไปสูงถึง
25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (810
ล้านล้านบาท) ในอนาคต
เป้าหมายที่แท้จริงในอนาคต
ถึงแม้การจับเจ้าหุ่นมาลงแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งฟุตบอล ปิงปอง และกรีฑา
ไปจนถึงกีฬาที่ไม่ใช่กีฬาแต่วัดความสามารถของหุ่นยนต์ เช่น การทำความสะอาด,
การขนย้ายวัสดุ
หรือการคัดแยกยาจะเป็นเหมือนการแข่งขันการพัฒนาและแสดงให้เห็นถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์
หรือที่เรียกว่า ‘ฮิวแมนนอยด์’ (Humanoid)
แต่ลึกๆแล้วนี่คือการประกาศศักดาของจีน
ที่บอกกับโลกทั้งใบว่าพวกเขานี่แหละคือผู้ที่จะเป็นผู้นำตัวจริงของเกมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่านับ
‘ล้านล้าน’ ที่พร้อมแล้วสำหรับการท้าชนกับหุ่นทั้งโลก รวมถึง Optimus
ของ Tesla ด้วย
โดยที่พวกเขาได้เปรียบในเรื่องของ
‘ต้นทุน’ เพราะ Optimus ในเวลานี้มีต้นทุนราว
50,000-60,000 ดอลลาร์ (1.6-1.9
ล้านบาท) ขณะที่ต้นทุนของจีนภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่แค่เพียง 35,000 ดอลลาร์ (1.1 ล้านบาท) และภายในปี 2030 จะลดลงมาเหลือแค่ 17,000 ดอลลาร์ (5.5 แสนบาท) ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้สำหรับทุกคน
หวัง
ชิงชิง (Wang
Xingxing) ซีอีโอของ Unitree เจ้าของหุ่นที่ได้เหรียญทอง
ซึ่งเคยเข้าร่วมในการประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ร่วมกับเหล่านักพัฒนาระดับแนวหน้าของประเทศจีน แจ็ค หม่า และผู้บริหารระดับสูงของ Alibaba
เมื่อต้นปีที่ผ่านมามองว่าก้าวที่ผ่านไปไม่ต่างอะไรจากก้าวแรกๆก่อนจะมี
ChatGPT
“มันเหมือนกับเรากำลังอยู่ในช่วง 1-3 ปีก่อนจะมี ChatGPT”
หวังกล่าว
“ในวันนึงที่ปัญญาประดิษฐ์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างหุ่นที่เหมือนกับมนุษย์พร้อม
ปักกิ่งก็อยากจะอยู่แถวหน้าและคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้”
เพราะคำว่าแถวหน้าและโอกาสครั้งนี้คือเดิมพันมูลค่ามหาศาลในระดับล้านล้านและสามารถพลิกโฉมโลกได้อีกครั้ง
โดยที่หากคืนนี้เราเผลอหลับตาด้วยความเหนื่อยล้าไปสักครู่
เช้าวันใหม่เราอาจจะถูกปลุกโดยฮิวแมนนอยด์ที่ถูกสั่งการเอาไว้ล่วงหน้า
ที่มา
:
The Standard
วันที่
25 สิงหาคม 2568